ตลาดอสังหาฯไตรมาส2 ‘แผ่นดินไหว-สงครามการค้า’ ทำต้นทุนวัสดุ ‘เหล็ก’ ขึ้นราคา-ค่าก่อสร้าง

ครบ 1 เดือนหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อ 28 มีนาคม 2568 ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลายรายต่างเร่งแผนฟื้นความเชื่อมั่นพร้อมให้การดูแลอย่างเต็มกำลังลูกบ้านในแต่ละโครงการฯ ด้วยวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ยังเป็นบทพิสูจน์การบริหารไครซิส ของธุรกิจอสังหาฯไทย เป็นอย่างดี

 

 

เช่นเดียวกับ ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ (ดร.ยุ้ย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวถึงสถานการณ์แผ่นเดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา แม้จะเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราว แต่ผลกระทบได้ให้บทเรียนสำคัญในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

 

โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม ที่ต้องเผชิญแรงกดดันทั้งเชิงจิตวิทยาและจากภาวะเศรษฐกิจรอบด้าน ซึ่งกระทบต้นทุนก่อสร้างและภาพรวมเศรษฐกิจโลก

 

และในภาวะที่ตลาดกำลังเผชิญความไม่แน่นอนนี้ เสนา ได้ใช้ความได้เปรียบทางความรู้ความสามารถและประสบการณ์จากพันธมิตรญี่ปุ่น ‘บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป’ เร่งปรับกลยุทธ์เชิงรุก นำนวัตกรรมมาปรับใช้ทันที ผ่านแนวคิด Geo fit+ ที่มีขบวนการป้องกันและตั้งรับเหตุภัยพิบัติ จะนำมาใช้กับโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่ได้ทันที เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยในระยะยาว

 

โดยเสนาฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบโครงการทั้งหมด 108 แห่ง ครอบคลุมคอนโดมิเนียม 62 โครงการ และโครงการแนวราบ 46 โครงการ รวมถึงโครงการเก่าที่แม้เสนาฯ จะไม่ได้เป็นนิติบุคคลบริหารโครงการพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทันทีที่ได้รับการติดต่อจากลูกบ้าน ภายใต้การขออนุญาตจากนิติบุคคลตามขั้นตอน

 

ภาษีทรัมป์ กระทบอสังหาฯไทยแน่นอน

 

ดร. ยุ้ย มองต่อถึงอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบในระดับมหภาค คือ การยกระดับสงครามการค้า ซึ่งมีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

“ประเด็นนี้ถือว่ามีผลในระดับกว้างกว่าผลจากแผ่นดินไหว เพราะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก ซึ่ง เสนามองว่าในไตรมาส 2/2568 ตลาดคอนโดมิเนียมจะมีแนวโน้มชะลอตัว โดยเฉพาะกลุ่มไฮไรส์ แต่ในระยะยาวตลาดจะค่อย ๆ ปรับสมดุลได้เอง ซึ่งสิ่งสำคัญคือการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์”

 

ดร. ยุ้ย ย้ำว่า ในมุมของธุรกิจอสังหาฯ ปัจจัยที่น่ากังวล คือ ราคาวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็ก ซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

“ปีนี้เราจึงต้องรับมือกับความท้าทายถึงสองเรื่องในเวลาใกล้เคียงกัน ทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่กระทบการท่องเที่ยว และมาตรการภาษีของทรัมป์ การบริหารความเสี่ยงในวันนี้จึงไม่ใช่แค่การตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น แต่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญที่เราได้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา” ดร.เกษรา กล่าว

 

ส่ง ‘LivNex-RentNex’ เจาะคนยุคใหม่

 

พร้อมกล่าวต่อ การพัฒนาโครงการในปี 2568 ยังคงดำเนินไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยเสนาฯ ใช้ประสบการณ์และองค์ความรู้ในการจัดการกับภัยพิบัติที่ไม่คาดฝัน มายกระดับมาตรฐานโครงการอย่างรอบคอบและทันที โดยระงับการก่อสร้างชั่วคราวจำนวน 6 โครงการ ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนก่อนเริ่มก่อสร้าง เพื่อนำนวัตกรรมและแนวทางการออกแบบด้านความปลอดภัยจากพันธมิตรญี่ปุ่น (HHP) มาปรับใช้ก่อนเดินหน้าก่อสร้างต่อไป โดยในระหว่างนี้ยังคงดำเนินการขายทั้ง 6 โครงการตามแผนงาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ว่าโครงการเหล่านี้จะได้รับการพัฒนาในมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุด รองรับทุกสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจในระยะยาว

 

ดร.ยุ้ย เสริมถึงการปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงินยังคงเข้มงวด การเข้าถึงที่อยู่อาศัยจึงกลายเป็นความท้าทายที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับผู้บริโภค เสนาฯ จึงได้พัฒนา “LivNex เช่าออมบ้าน” นวัตกรรมทางการเงินที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถ “จ่ายค่าเช่า เท่ากับมีเงินออม” พร้อมโอกาสเปลี่ยนสถานะเป็นเจ้าของภายใน 3 ปี รองรับกลุ่มลูกค้าที่กู้ไม่ผ่านในครั้งแรก

 

โดยมีหน่วยงานภายในของบริษัท ‘เงินสดใจดี’ ให้คำปรึกษาและวิเคราะห์เครดิตอย่างเป็นระบบ รวมถึงความร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อสร้างประวัติเครดิตและเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในอนาคต

 

ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1,000 ยูนิต สะท้อนความต้องการในตลาดและความเชื่อมั่นต่อรูปแบบการอยู่อาศัยทางเลือกใหม่นี้

 

ขณะเดียวกัน เสนาได้เปิดตัวโมเดลการเช่าแบบสมาชิก ‘RentNex’ ซึ่งออกแบบมาเพื่อกลุ่ม Generation Rent ที่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่น และมองการเช่าเป็นทางเลือกหลัก ‘RentNex’ ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถสมัครสมาชิกเพื่อเข้าอยู่อาศัยในคอนโดฯ คุณภาพของเสนา โดยเริ่มต้นเพียง 6,700 บาทต่อเดือน รองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารค่าใช้จ่ายและไม่ผูกมัดระยะยาว

 

แนวทางดังกล่าว ของเสนาฯ ยังเพื่อปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมที่สอดคล้องกับวิถีการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน ด้วย

 

Alternate-X สรุปให้ 

หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว เสนาฯ เร่งสร้างความเชื่อมั่น ตรวจสอบทุกโครงการ พร้อมรับมือไครซิสอย่างเป็นระบบ ใช้ความร่วมมือกับพันธมิตรญี่ปุ่นพัฒนามาตรฐาน Geo fit+ ยกระดับความปลอดภัยในโครงการใหม่ พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบสงครามการค้า-ภาษีทรัมป์ ว่าเป็นความเสี่ยงเชิงมหภาคที่กระทบตลาดอสังหาฯ ไทย และยังมองหาโอกาสทางธุรกิจผ่านนวัตกรรมทางการเงิน เช่น LivNex เช่าออมบ้าน และ RentNex สำหรับกลุ่ม Gen Rent เสนาฯ เน้นการบริหารความเสี่ยงล่วงหน้า มุ่งสร้างความมั่นใจในทุกมิติของการอยู่อาศัยยุคใหม่

บทความล่าสุด

COLLABORATE IDEAS, CREATE SUCCESS


FOLLOW US

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.