‘แบรนด์เนม มันนี่’ รีวิวธุรกิจครบ1 ปี มียอดสินเชื่อเกินเป้า 200 ล.บาท หลังเศรษฐกิจหน่วง ‘คนไทย’ ปล่อยแบรนด์เนมขายฝากพุ่ง ขอคืนกำไรลูกค้าลดดอกเบี้ย 0.88%
ปพน มนัสภากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้งบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด (Brandname Money) ผู้นำด้านบริการสินเชื่อเช่าซื้อและขายฝากแบรนด์เนม กระเป๋า นาฬิกา จิวเวลรี่ Luxury แห่งเดียวในประเทศไทย และสินเชื่อเช่าซื้อแบรนด์เนมแห่งแรกของโลก เปิดเผยว่าแบรนด์เนมมันนี่ ดำเนินธุรกิจมาครบ 1 ปี เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สามารถขยายพอร์ตการปล่อยสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง เกินเป้าหมาย
ล่าสุด สามารถปล่อยสินเชื่อได้กว่า 200 ล้านบาทแล้ว แบ่งเป็น
- สินเชื่อจำนำหรือขายฝากสินค้าแบรนด์เนม LUXURY วงเงิน 150 ล้านบาท
- สินเชื่อเช่าซื้อหรือผ่อนไป-ใช้ไปวงเงิน 30 ล้านบาท
- สินเชื่อผ่อนจบ-รับของ วงเงิน 20 ล้านบาท
“ในโอกาสครบรอบ 1 ปี เราได้จัดแคมเปญคืนกำไรให้ลูกค้าขายฝาก โดยลดดอกเบี้ยลงเหลือ 0.50% สำหรับเดือนแรก และบริการย้ายค่ายเป็นการย้ายการขายฝากจากที่เดิมมาฝากที่แบรนด์เนมมันนี่ โดยเราจะไถ่ถอนให้ฟรี”
ปพน กล่าวพร้อมเสริมว่า หากลูกค้าต้องจ่ายดอกเบี้ยที่สูงกว่าและเสียค่าปรับจากการผิดนัดชำระหนี้ในอัตราสูง หรือยอดที่ฝากไว้กับที่เดิมได้วงเงินต่ำต้องการเพิ่มวงเงินสภาพคล่อง สามารถย้ายมาขายฝากที่แบรนด์เนมมันนี่ ได้เช่นกัน รวมถึงยังให้บริการไปรับของถึงที่บ้านฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย จากทีมรับของที่มีมาตรฐาน พร้อมอุปกรณ์กันกระแทก และประกันภัยสินค้า
ขณะเดียวกัน แบรนด์เนมมันนี่ ยังได้ทำแคมเปญร่วมกับพันธมิตรหรือพาร์ทเนอร์ ร้านขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองชั้นนำ โดยปัจจุบันเรามีพันธมิตรร้านค้าจำนวนมากกว่า 70 ร้านค้าทั่วประเทศที่ในออนไลน์และออฟไลน์ เช่น ร้าน Bagnifique Brandname , SF Brandname, Clara Brandname ฯลฯ เพื่อกระตุ้นทั้งฝั่งคนขายและคนซื้อ ภายใต้ ecosystem ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์
ปพน กล่าววว่า “ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เพราะช่วงเศรษฐกิจไม่ดี คนจะนำแบรนด์เนมมาขายฝากเพิ่มมากขึ้น เพราะต้องการใช้เงิน ต้องการสภาพคล่องทางการเงิน โดยเราเข้าถึงง่ายและรวดเร็วกว่าแหล่งเงินทุนอื่น ที่ต้องยื่นเอกสาร รอผลอนุมัติที่ต้องใช้เวลา แต่เราใช้เวลาพิจารณาสินเชื่อไม่ถึงชั่วโมง โอนเงินให้ได้เลย”
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจดีขึ้น คนต้องการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น หากต้องการซื้อสินค้าแบรนด์เนม เรามีบริการสินเชื่อเช่าซื้อแบรนด์เนมทั้งของใหม่มือหนึ่งและมือสอง โดยบริษัทมีระบบการบริหารจัดการความเสี่ยง พร้อมพัฒนาระบบ Risk Management อย่างต่อเนื่อง ด้วยการอนุมัติที่รัดกุม ใช้เครดิตสกอร์ริ่ง และเกณฑ์พิจารณาสำหรับสินค้าแบรนด์เนมโดยเฉพาะ และมีทีมงาน Collection ติดตามหนี้ มีทีมงานกฎหมายที่เข้มแข็ง
อ่านบทความอื่นที่เกี่ยวข้อง
- เศรษฐกิจซึม หนุนตลาดแบรนด์เนมมือสอง คนแห่ปล่อยของเติมสภาพคล่อง
-
Brandname Money บอกแบรนด์เนมหรูไม่ใช่แค่ ‘ของมันต้องมี’ แต่เป็นการลงทุนของคนรุ่นใหม่
ปพน กล่าวต่อ ทิศทางและเป้าหมายธุรกิจแบรนด์เนม มันนี่ว่า แผนงานระยะกลาง ตั้งแต่ปี 2569–2571 บริษัทตั้งเป้าปูพรมขยายสาขาและจุดรับขายฝากแบรนด์เนมทั่วประเทศ พร้อมพัฒนาระบบ Credit Scoring และ AI Risk Model สำหรับสินค้าแบรนด์เนม LUXURY โดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการเงินกับลูกค้า และเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงของธุรกิจ โดยตั้งเป้าวงเงินปล่อยสินเชื่อแบรนด์เนมให้ถึง 1,000 ล้านบาท ภายปี 2571
โดยบริษัทจะใช้กลยุทธ์ จากความเป็นผู้เชี่ยวชาญสินค้าแบรนด์เนม และมีความเข้าใจคนที่ใช้สินค้าแบรนด์เนมอย่างแท้จริง เพราะเราทราบดีว่า ของทุกชิ้นไม่ได้มีแค่ ‘มูลค่า’ แต่ยังมี ‘คุณค่า’ ทางจิตใจ ดังนั้นผู้ที่มีสินค้าแบรนด์เนม แต่มีความจำเป็นหรือต้องการใช้เงิน-ขาดสภาพคล่อง โดยยังไม่ต้องการเสียของรักไป แต่สามารถนำมาขายฝากกับแบรนด์เนมมันนี่ โดยบริษัทจะประเมินให้สินเชื่อในราคาตลาด ไม่กดราคาและคิดอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ส่วนผู้ที่ต้องการมีสินค้าแบรนด์เนมไว้ในครอบครอง ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนอีกต่อไป สามารถใช้บริการสินเชื่อกับเราได้ ตามสโลแกนของแบรนด์เนมมันนี่คือ ‘ใครๆก็ใช้แบรนด์เนมได้’
จากแนวทางดังกล่าว บริษัทวางแผนระยะยาวตั้งเป้าหมายภายในปี 2573 จะระดมทุนกระจายขายหุ้น IPO และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน พร้อมเปิดโอกาสให้บริษัทในตลาดทุนร่วมลงทุน
“ทิศทางธุรกิจของแบรนด์เนมมันนี่ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทมองโอกาสการระดมเงินทุนเพื่อนำมาขยายพอร์ตขยายธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีสถาบันการเงินเสนอวงเงินกู้ให้เรา และยังมีบริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหุ้น สนใจเข้ามาขอร่วมทุนกับแบรนด์เนมมันนี่หลายราย แต่ทางเรายังไม่ได้มีการเจรจาหรือตอบตกลงกับรายใด”
ทั้งนี้ บริษัทฯ ต้องการเลือกพันธมิตร ที่มีความเข้าใจและมีวิสัยทัศน์ใกล้เคียงร่วมกันมากที่สุด ด้วยมองธุรกิจในระยาวมากกว่าการปล่อยสินเชื่อแบรนด์เนม แต่ขยายสู่การเป็นแหล่งเงินทุนหรือเป็นผู้สร้างสภาพคล่องทางการเงินให้กับคนรักแบรนด์เนมทั่วประเทศ
Alternate-X สรุปให้
แบรนด์เนม มันนี่ ปล่อยสินเชื่อครบ 1 ปี ยอดทะลุ 200 ล้านบาท ตั้งเป้าพอร์ตโตแตะ 1,000 ล้านบาท ปี 2571 ก่อนเข้าตลาดหุ้นปี 2573 ด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ ใช้กระเป๋า นาฬิกา และจิวเวลรี่แบรนด์เนม เป็นหลักประกันสินเชื่อ สะท้อนพฤติกรรมคนไทยมอง ‘ของหรู’ เป็น สินทรัพย์ทางการเงิน ไม่ใช่แค่ของใช้เทรนด์ใหม่ที่ชี้ให้เห็นความต้องการสภาพคล่อง และการเข้าถึงแบรนด์เนมง่ายขึ้น