‘แสนสิริ’ โฟกัส ‘ภูเก็ต’ ใน 5 ปีหน้ามีกว่า55 โครงการ รวมที่แปลงใหญ่สร้างอาณาจักรอสังหาฯ

แสนสิริ ลงทุน 3.3 หมื่นล. พร้อมจัดงบปีละพันล.บาทซื้อที่ดินใน5 ปี สร้างอาณาจักร แสนสิริ คอมมูนิตี้ รวมไม่ต่ำกว่า 55 โครงการฯ เจาะนักลงทุนรับเมืองเที่ยวปลายทาง ‘อีลีท’ โลก

 

ภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจพัฒนาโครงการภาคใต้  บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่กล่าวว่า บริษัทฯ วางแผน 5 ปี (2568-2573) จะมีโครงการอสังหาฯ ทั้งแนวราบและคอนโด รวมไม่ต่ำกว่า 55 แห่ง โดยเตรียมใช้งบลงทุนกว่า 33,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการอสังหาฯเพิ่ม 29 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 16 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียม 13 โครงการ มูลค่า 21,000 ล้านบาท จากก่อนหน้าแสนสิริอยู่ในตลาดภูเก็ต มา 13  ทำโครงการไม่ต่ำกว่า 26-27 แห่ง

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมใช้งบลงทุนราว 1,000 ล้านบาทต่อปีนับจากนี้ จัดซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการอสังหาฯ แต่ละรูปแบบที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการ (Deamand) ในตลาดท้องถิ่น รวมถึงการมองหาที่ดินแปลงใหญ่สำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาฯภายใต้แนวคิด ‘แสนสิริ  คอมมูนิตี้’ ในลักษณะเดียวกับในส่วนกลาง กรุงเทพฯ ที่ทำมาก่อนหน้านี้

 

“แสนสิริ ดูทุกความเป็นได้ในการพัฒนาโครงการฯที่สวอดคล้องกับดีมานด์จริงในตลาดอสังหาฯภูเก็ต ซึ่งเป็นตลาดที่มีความเซ็กซี่ ทั้งการอยู่อาศัยจริงและการลงทุนรองรับกลุ่มประชากรแฝงและนักท่องเที่ยวระดับอีลีท” ภูมิชาย กล่าวพร้อมเสริมว่า “บริษัทฯ ยังพิจารณาทุกความเป็นไปได้ในการลงทุน ซึ่งร่วมถึงการหาพันธมิตรร่วมทุน หรือ เจวี เพื่อทำโครงการใหม่ๆที่ภูเก็ต เช่นกัน”

 

โดยบริษัทฯ วางแผนทำโครงการรองรับกลุ่มเป้าหมายนักลงทุน (Investor) เป็นหลัก หลังพบเทรนด์การเติบโตในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ กลุ่มใหม่ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ  คาซัคสถาน, รัสเซีย,ยูเครน, อิสราเอล, อินเดีย และ บังคลาาเทศ จากก่อนหน้าเป็นกลุ่มนักลงทุนรัสเซีย และ จีน

 

นอกจากนี้ยังมี กลุ่มลูกค้า LGBTQ และกลุ่มหลังเกษียณ (Retirement) ซึ่งมีแนวโน้มทั้งการเดินทางและเข้ามาอยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความมั่งคั่ง (Wealth) ขยายตัวเพิ่มขึ้น และมองหาที่อยู่อาศัยแห่งที่สอง (Second Place)d การใช้ชีวิตในอนาคต

 

“แนวทางดังกล่าว ยังสอดคล้องกับแผนธุรกิจแสนสิริใน 5 ปีหน้า จะบริหารพอร์ตให้มีความยืดหยุ่นตรงกับดีมานด์ในแต่ละโครงการที่พัฒนาขึ้น”

ภูมิชาย กล่าวพร้อมเสริมว่า

 

สำหรับปี 2568 แสนสิริ เปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 แห่งในภูเก็ต มูลค่ารวมราว 2,500-3,000 ล้านบาท ได้แก่

 

  • เดอะเบสเชิงทะเล ราคาเริ่มต้น 3.65 ล้านบาท/ยูนิต
  • เศรษฐศิริ เกาะแก้ว ราคา 13-20 ล้านบาท/ยูนิต
  • ดีคอนโด กระทู้ ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท/ยูนิต

 

โดยตั้งเป้ายอดขายในภูเก็ตปีนี้ ประมาณ 5,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีโครงการแอคทีฟอยู่ 8 โครงการ เหลือประมาณ 200-300 ยูนิตเท่านั้น

 

จากแผนดังกล่าว ด้วยบริษัทฯ มองเห็นโอกาสการทำตลาดเพื่อรองรับกลุ่มนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ที่ยังต้องการอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี จากศักยภาพทางเศรษฐกิจในฐานะเมืองปลายทางท่องเที่ยวหรูระดับโลก และยังเป็นจังหวัดที่มีคาแรกเตอร์โดดเด่นที่สามารถพิกฟื้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวกลับมาได้รวดเร็วในทุกครั้งที่เผชิญวิกฤต โดย6 เดือนแรกของปี2568 ตลาดอสังหาฯ ยังมีความต้องการสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจภูเก็ต จากข้อมูลการอยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ต ยังเชิงสถิติ น่าสนใจ ดังนี้

 

  • ประชากรตามสำมโนครัว จำนวนราว 6 แสนคน
  • ประชากรแฝง อยู่อาศัยระยะยาว (Long stay) ระยะเวลา 1 – 6 เดือน จำนวนราว 8 แสนคนต่อปี
  • ประชากรแฝง อยู่อาศัยระยะสั้น (Short Stay) ระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ จำนวยนราว 2-1.5 ล้านคนต่อปี

 

“นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มแรงงานที่หมุนเวียนเข้าทำงาน หากรวมแล้วคาดมีผู้อยู่อาศัยในภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน”
ภูมิชาย กล่าว

 

พร้อมเสริมถึงศักยภาพความพร้อมจังหวัดภูเก็ต ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก (Infrastructure) ต่างๆ อาทิ

 

  • การเดินทางเชื่อมต่อการเดินทาง ได้ทั้งทางบก ทางอากาศ ที่ปัจจุบันในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวมีจำนวนมากกว่า 370 เที่ยวบินต่อวัน และในช่วงโลว์ซีซั่น เฉลี่ยราว 270 เที่ยวบินต่อวัน
  • ท่าเทียบเรือ หรือ Marina ราว 5 แห่ง รองรับการเดินทางเรือยอร์ช มายังภูเก็ตในกลุ่มมหาเศรษฐี ทั่วโลก
  • ความพร้อมบริการทางการเพทย์มาตรฐานสากล ตามนโยบายผลักดันการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย (Medical Hub) ด้วยมีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง อาทิ บำรุงราษฎร์ เตรียมเข้ามาเปิดให้บริการในปี 2571 จากก่อนหน้า มีโรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นต้น
  • โรงเรียนนานาชาติ เพื่อรองรับกลุ่มคนทำงานต่างชาติ (Expat) โดยเฉพาะกลุ่มสิงคโปร์ และฮ่องกง ที่มองหาสถานศึกษาในจังหวัดภูเก็ตให้กับบุตรหลาน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายและต้นทุนอยู่อาศัยต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศของตัวเอง

 

นอกจากนี้ ภูเก็ต จะยังเป็นเมืองไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยวระดับภูมิภาคสำคัญ หลังกลุ่มธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ ทั้งกลุ่มเซ็นทรัล ที่เข้ามาก่อนหน่านี้ และ กลุ่ทมเดอะมอลล์ และ สยามพิวรรธน์ ต่างมีแผนขยายการลงทุนโครงการค้าปลีกในจังหวัดด้วยเช่นกัน

 

 

Alternate-X สรุปให้

 

 

แสนสิริ เตรียมลงทุนกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท และซื้อที่ดินปีละ 1 พันล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า (2568-2573) สร้างอาณาจักรแสนสิริ ใน ภูเก็ต รวมกว่า 55 โครงการ ครอบคลุมทั้งแนวราบและคอนโดฯ เจาะกลุ่มนักลงทุนระดับ ‘อีลีท’ ทั่วโลก อาทิ คาซัคสถาน รัสเซีย อิสราเอล รวมถึงกลุ่ม LGBTQ+ และผู้เกษียณอายุ เพื่อตอบรับศักยภาพของภูเก็ตที่เติบโต และเป็นแหล่งรวมผู้อยู่อาศัยที่หลากหลายถึง 2 ล้านคน

 

บทความล่าสุด

COLLABORATE IDEAS, CREATE SUCCESS


FOLLOW US

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.