เกิดอะไรขึ้น? กับ ‘Labubu’ อาร์ตทอยสุดฮิตจาก Pop Mart อาจกระทบอัตราเติบโตPop Mart หลังความนิยมหลังตลาดมือสองส่งสัญญาณชะลอตัว และอาจเจอความเสี่ยงในอนาคต ซ้ำรอบ Beanie Baby
Story by Jittrapon ponlawat
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกของของเล่นสะสมได้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่เรียกว่าลาบูบู้ ‘Labubu’ ตุ๊กตาตัวจิ๋วหน้าตายิ้มฟันแหลมจากจีน ที่กลายเป็นเทรนด์ระดับโลก ทั้งนักสะสม ดารา นักกีฬา รวมถึงแฟนของเล่นทั่วโลกต่างให้ความสนใจ
Labubu เป็นตุ๊กตาที่โดดเด่นด้วยการออกแบบที่น่ารัก แต่แฝงความขี้เล่น มี หูยาวเหมือนกระต่าย, ตาโต, คิ้วเข้ม และปากยาวเผยฟันแหลมเก้าซี่ พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้ผู้ที่พบเห็นตกหลุมรักตั้งแต่แรก
แม้ราคาจะเริ่มต้นเพียง $14–$30 สำหรับรุ่นที่ใช้ห้อยกระเป๋าโดยทั่วไป แต่ราคาตลาดมือสองของ Labubu หายากสามารถพุ่งขึ้นหลายพันดอลลาร์ ทำให้ Pop Mart International Group Ltd. บริษัทผู้ผลิต Labubu Dolls กวาดรายได้มหาศาล และทำให้ Wang Ning ผู้ก่อตั้งกลายเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีหนุ่มอายุน้อยที่รวยที่สุดของจีน
จับดีไซน์มาเขย่าเทรนด์
Labubu Dolls เป็นของเล่นสะสมในสาย Monsters ของบริษัท Pop Mart จากจีน ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการสร้างสรรค์ของเล่นที่โดดเด่นและน่าสะสม ตัวละคร Labubu ถูกออกแบบโดย Kasing Lung นักวาดและดีไซเนอร์ชาวฮ่องกงที่สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับของเล่นแต่ละตัว
โดยแต่ละซีรีส์ของ Labubu จะมีธีมและสไตล์แตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่น ซีรีส์ Exciting Macarons (2023) ที่เน้นสีหวานสดใส, Have a Seat (2024) ที่นำเสนอของเล่นในท่านั่ง, และ Big into Energy (2025) ที่มาพร้อมสีสันจัดจ้านแบบ tie-dye
นอกจากนี้ Pop Mart ยังปล่อย Labubu รุ่นพิเศษที่จำหน่ายเฉพาะบางประเทศ เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับนักสะสม เช่น รุ่น Hide and Seek ที่ขายเฉพาะในสิงคโปร์ และคอลเล็กชันร่วมกับแบรนด์แฟชั่นระดับโลกอย่าง Labubu X Vans Oldskool Monsters ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก
ของเล่น Labubu มีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดห้อยกระเป๋า (Bag Cham) ประมาณ 15–17 เซนติเมตร ไปจนถึงตัวใหญ่สูง 80 เซนติเมตร แต่สินค้าที่สร้างกระแสฟีเวอร์และขายดีที่สุดคือ Bag Cham แบบกล่องสุ่ม (blind box) ซึ่งผู้ซื้อจะไม่ทราบว่าข้างในเป็นตัวละครแบบไหน ทำให้เกิดการสะสม ลุ้น ตามล่าของหายาก และสร้างแรงจูงใจให้แฟนของเล่นต้องซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัย Labubu ฮิต
บลูมเบิร์กวิเคราะห์วา ความนิยมของลาบูบู้มาจากหลายปัจจัยที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ประการแรกคือ กลยุทธ์ blind box ซึ่งBag Cham ที่ถูกขายในกล่องสุ่ม ผู้ซื้อจะไม่ทราบว่าข้างในเป็นตัวละครแบบไหน ทำให้เกิดความตื่นเต้นและแรงจูงใจให้ซื้อซ้ำ เพื่อหวังได้ตัวที่ต้องการ โดยตัวละครหายากในแต่ละซีรีส์มีโอกาสเพียง 1 ใน 72
ประการต่อมาคือ ความหายากและคุณภาพของสินค้า ของเล่นบางรุ่นของ Labubu มีการเย็บด้วยมือ ทำให้การผลิตช้าลง และ Pop Mart ต้องเร่งขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการ นอกจากนี้แต่ละซีรีส์ยังมีตัวพิเศษ (special edition) ที่หายากมาก ส่งผลให้แฟนสะสมตื่นเต้นและเพิ่มมูลค่าให้กับของเล่น
อีกปัจจัยสำคัญคือ ความต่อเนื่องของคอลเล็กชัน Pop Mart ปล่อยซีรีส์ใหม่ของ Labubu อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ซีรีส์ Pin for Love (2025) ซึ่งเป็น phone charm ขนาดเล็ก ที่มาพร้อมตัวพิเศษสองตัวในกล่อง 14 ตัว ทำให้แฟน ๆ มีเหตุผลในการซื้อของใหม่อยู่เสมอ ทั้งหมดนี้สร้างปรากฏการณ์ Labubu Mania ที่กระจายไปทั่วโลก
ราคาของลาบูบู้ขึ้นอยู่กับขนาด ซีรีส์ และประเทศที่วางขาย ในจีน Bag Cham Labubu ราคาปลีกอยู่ที่ 99 หยวน (ประมาณ 14 ดอลลาร์) ส่วนรุ่น mini ขนาดเล็กขายอยู่ที่ 79 หยวน (ประมาณ 11 ดอลลาร์) ของเล่นขนาดใหญ่สามารถสูงถึง 1,299 หยวน (ประมาณ 182 ดอลลาร์)
ขณะที่ตัว Labubu พลาสติกขนาด 80 เซนติเมตรมีราคาถึง 5,999 หยวน (ประมาณ 842 ดอลลาร์) สำหรับสหรัฐอเมริกา บัคชาร์มมีราคาประมาณ 27.99 ดอลลาร์ และรุ่น mini ประมาณ 22.99 ดอลลาร์
สำหรับนักสะสม ราคาของลาบูบู้สามารถพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะรุ่นหายาก ตัวอย่างเช่น Big into Energy special edition (2025) ขายในตลาดมือสองเดือนมิถุนายน 2025 ราคาสูงถึง 45 เท่าของราคาปลีก
ขณะที่ Labubu x Vans Oldskool Monsters Forever ขนาด 38 เซนติเมตร ที่ราคา 599 หยวน (84 ดอลลาร์) ขายใน eBay สูงถึง 10,585 ดอลลาร์ และแม้แต่ Labubu ขนาดเท่าคนจริง สีเขียว mint ก็ถูกประมูลในปักกิ่งด้วยราคาสูงถึง 150,000 ดอลลาร์
ในจีนลาบูบู้สามารถหาซื้อได้จาก ร้าน Pop Mart กว่า 400 สาขา และ ตู้ขายอัตโนมัติกว่า 2,000 ตู้ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งซื้อออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง WeChat, Tmall, JD และ Douyin ส่วนตลาดมือสองก็มีให้เลือกบนแพลตฟอร์ม Qiandao, Xianyu และ Xiaohongshu
สำหรับต่างประเทศ Pop Mart มีร้านในกว่า 12 ประเทศ รวมถึง สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังสามารถสั่งซื้อออนไลน์ผ่าน Amazon และ TikTok ทำให้แฟนของเล่นทั่วโลกเข้าถึงสินค้าได้ง่าย แต่สำหรับตัวละครหายากยังคงมีจำนวนจำกัด ทำให้เกิดการแข่งขันสูงในตลาดมือสอง
Pop Mart กับอนาคตเมื่อตลาดลาบูบู้ชะลอตัว
Pop Mart ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 โดย Wang Ning เริ่มจากร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด ก่อนที่จะขยายเข้าสู่ตลาดของเล่นสะสม และก้าวขึ้นเป็นบริษัทของเล่นใหญ่ที่สุดของจีน ความสำเร็จของบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อ Labubu Dolls กลายเป็นสินค้าขายดี ส่งผลให้รายได้ของ Pop Mart ในครึ่งแรกของปี 2025 พุ่งสูงขึ้นถึง 204%
โดยเฉพาะยอดขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นถึง 440% เพื่อรองรับความต้องการทั่วโลก บริษัทวางแผนจะเปิด 60 สาขาใหม่ในต่างประเทศภายในปีนี้ เพิ่มจาก 140 สาขาที่มีอยู่เดิม
ความสำเร็จครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความมั่งคั่งของ Wang Ning ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินถึง 21.4 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เขากลายเป็น มหาเศรษฐีหนุ่มอันดับ 4 ของโลก
แม้ Labubu จะขายดีอย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดมือสองเริ่มแสดงสัญญาณชะลอตัว ทำให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์เตือนว่า Pop Mart อาจเผชิญความเสี่ยงในอนาคต หลังจากการประเมินของ JPMorgan หุ้นของ Pop Mart ลดลงเกือบ 25%
นอกจากนี้ เจฟฟ์ จาง นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยตลาด Morningstar Inc. ในฮ่องกง มองว่า การเติบโตของ Pop Mart อาจชะลอตัวลงในปี 2026 ส่วนหนึ่งจากฐานราคาและสินค้าที่ขายโดยพึ่งพิงกระแสที่สูงมากของ Pop Mart ในปีนี้นั่นเอง
โดยทั่วไป ของเล่นสะสมมักมีวงจรชีวิตราว 2–3 ปี แต่การออกคอลเล็กชันใหม่อย่างต่อเนื่องสามารถช่วยยืดอายุความนิยมได้ นักวิเคราะห์เปรียบเทียบปรากฏการณ์ Labubu กับ Beanie Baby ในสหรัฐอเมริกา ช่วงปี 1990 ซึ่งราคาของเล่นสะสมพุ่งสูงสุดแล้วค่อย ๆ ลดลงภายใน 4 ปี
อย่างไรก็ตาม ของเล่นบางคอลเล็กชัน เช่น Barbie รุ่นพิเศษ หรือ Star Wars Figurines สามารถรักษาความนิยมได้นานกว่า ทำให้ Labubu ยังมีโอกาสต่อยอดตลาดสะสมในอนาคตได้
Alternate-X สรุปให้
Labubu ของเล่นสะสมสุดฮิตจาก Pop Mart เคยสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกทำราคาพุ่งแรง โดยบางรุ่นในตลาดมือสองขายสูงกว่าปลีกหลายสิบเท่า ทำให้ Pop Mart กวาดรายได้โตระเบิด โดยยอดขายต่างประเทศเพิ่มกว่า 400% อย่างไรก็ตาม ตลาดมือสองเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว กระทบความมั่นใจนักลงทุนโดยนักวิเคราะห์เตือนอนาคต Pop Mart อาจเจอความเสี่ยงเหมือนเคส Beanie Baby