นับจากต้นปีจนถึงตอนนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ยังอยู่ในภาวะทรงๆ หลังเจอหลากหลายปัจจัยลบกะทบ ความเชื่อมั่น ‘sentiment’ กำลังซื้อ ผู้บริโภคในภาพรวม
.
โดยเฉพาะ เหตุการณ์แผ่นดินไหวสะเทือนกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่เมื่อปลายเดือน มีนาคม 2568
.
เหตุการณ์ในช่วงนั้น อาจเรียกได้ว่าเป็น ‘การสอบไล่’ เพื่อคัดผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ‘Developer’ ของไทย ว่าใครจะ ‘ผ่าน’ เกณฑ์ ได้ไปต่อในตลาดอสังหาฯ หลังผ่านพ้นวิกฤตที่เกิดขึ้น
.
อันนี้ ยังไม่นับรวม ‘การสอบย่อย’ เพื่อแก้โจทย์กำลังซื้อผู้บริโภคโดยเฉพาะในตลาดระดับกลาง-ล่าง ที่หายไปหลังสถาบันการเงินปฏิเสธคำขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราเฉลี่ย 75–77% และอาจสูงถึง 90% ในกลุ่มสินค้าระดับต่ำราคา 3 ล้านบาทในปี 2567 ที่ผ่านมา
.
จากสถิติดังกล่าว ทำให้ในปี2568 นี้จะเห็นได้ว่ามี Dev. หลายรายต่างโฟกัสไปที่โปรดักส์ระดับหรู-พรีเมียม ด้วยเชื่อว่า เป็นกำลังซื้อที่ยังมีอยู่
.
แต่หลังจากผ่านมาครึ่งทางของปี 2568 ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต่างยอมรับว่ากำลังซื้อระดับบนเองก็เริ่มจะชะลอตัวเช่นกัน ทำให้หลายแบรนด์ต้องหันกลับมาทบทวนแผนธุรกิจไปพร้อมบริหารพอร์ตสินค้าเพื่อควานหา ‘กำลังซื้อที่แท้จริง’
.
ขณะที่ ‘แสนสิริ’ เป็นหนึ่งในนั้น ที่บอกว่าขอแตะเบรคการทำตลาดพรีเมียมก่อน แต่จะหันกลับมาบริหารพอร์ตโปรดักส์โครงการพร้อมอยู่ และเปิดโครงการใหม่ในทำเลศักยภาพแทน
.
ทั้งนี้เพื่อเข้าหากำลังซื้อที่มีความต้องการชัดเจนจากกลุ่ม 1.ซื้ออยู่เอง และ 2.นักลงทุนในตลาดทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล จังหวัดหัวเมือง เชียงใหม่ ชลบุรี และ ภูเก็ต
.
โดยในช่วง ที่เหลืออีก 4 เดือนสุดท้ายของปี2568 นี้ยังทำให้ ‘แสนสิริ’ เปิดตัวได้อีก 6-7 โครงการใหม่ (new launch) จากทั้งหมด 15 โครงการใหม่ตามแผนที่วางไว้เมื่อต้นปี
.
[ทำไม ‘แสนสิริ’ ถึงทำได้]
.
สมัตถ์คม ต่างวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวสูง บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ บอกว่าเป็นเพราะแสนสิริ มีฐานลูกค้าที่รอโปรดักส์ ออกมาทำตลาด
.
โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ ยิ่งทำให้ ‘ลูกค้า’ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน มองเห็นว่า แบรนด์ไหน? จะเอาอยู่กับการบริหารวิกฤตอสังหาฯ ในครั้งนี้
.
ด้วยเหตุการณ์ในครั้งนั้น เปรียบเสมือนการให้บริการหลังการขายของจริง และจับต้องได้ในความรู้สึกของลูกค้า และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้สินค้ากลุ่มคอนโดมีเนียม ของแสนสิริได้ไปต่อถึงในตอนนี้
.
จากในช่วงก่อนหน้าตลาดอสังหาฯอยู่ท่ามกลางความกังวลของผู้บริโภคที่มองหาโครงการโลว์-ไรซ์ (8ชั้น) มากกว่าโครงการไฮ-ไรซ์ แต่อย่างหลังแสนสิริก็ยังสามารถทำได้ดี จากยอด Sold-Out ในหลายโครงการที่เปิดจอง (Pre Sale) ไปก่อนหน้า
.
สมัตถ์คม บอกว่า การที่ ‘แสนสิริ’ ทำได้เป็นเพราะ ‘ขายความใช่’ ให้กับลูกค้า โดยเฉพาะ ‘ทำเล’ ด้วยสินค้าโครงการพร้อมอยู่ (Ready to Move) ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ซึ่งตอนนี้มี ‘อินไซต์’ต้องการอยู่อาศัยใกล้กับสถานที่ทำงาน สถานที่เรียน เพื่อลดการเดินทางและมีเวลาได้ใช้ชีวิตมากขึ้น
.
[กำลังซื้อที่ใช่]
.
นอกจาก ‘ทำเล’ แล้ว แสนสิริ ยังควานหาต่อถึงกำลังซื้อในตอนนี้ ที่มีอยู่สองกลุ่มที่ (คิดว่า) ใช่ นั่นคือ 1. ซื้อจริงอยู่จริง และ 2.นักลงทุน ที่ยังมีแรงซื้ออสังหาฯ กลุ่มคอนโด เพื่อปล่อยให้เช่าอยู่อาศัย
.
โดย ‘ดีมานด์’ เหล่านี้ ก็วกกลับมาตอบโจทย์เรื่องหลัก คือ การอยู่อาศัยในทำเลที่ใช่ในที่สุด แม้ว่าจะมีเทรนด์คนรุ่นใหม่ไม่ซื้อที่อยู่อาศัยและเป็นแนวคิด ไวรัล มาก่อนหน้า แต่สุดท้ายคนกลุ่มนี้ ก็ยังมองหาที่อยู่อาศัย จาก ‘ทำเล’ ใช้เป็นคีย์อยู่ดี
อ่านบทความอื่นที่เกี่ยวข้อง
[The Base พระราม9 พร้อมอยู่ 3.79 ล.]
จากส่วนผสมทั้งหมดทำให้ ‘แสนสิริ’ ไปต่อด้วยการเปิดตัว ‘เดอะ เบส เออร์เบิน พระราม 9’ (The Base Urban Rama 9) คอนโดใหม่พร้อมอยู่ บนทำเลแยกผังเมือง ด้วยราคาเริ่มต้น 3.79 ล้านบาท (ราคาเฉลี่ย 128,000 บาท/ตารางเมตร)
.
โดยโครงการฯ มีมูลค่าราว 1,700 ล้านบาท เนื้อที่ 1 ไร่ เป็นอาคารพักอาศัยสูง 29 ชั้น 1 อาคาร มี ด้ 311 ยูนิต และที่จอดรถรูปแบบ Auto-Parking ทั้งหมด รองรับได้ 54%
.
ในส่วนงานดีไซน์ มีให้เลือก 6 รูปแบบ ทั้งห้องแบบ Simplex และ LOFT ออกแบบมาให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน
ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางกว่ามีขนาด 2,700 ตร.ม. ออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Uniquely your urban beat ชีวิตผลิต Beat ได้ไม่ซ้ำ’ ตอบโจทย์ทั้งพื้นที่ทำงาน Co-Working Space, ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และมุมให้ความผ่อนคลาย
.
[ให้ยีลด์ 6%]
.
นอกจากทำเล ย่านใจกลางเมืองที่รายล้อมด้วยอาคารสำนักงานหลายแห่ง เพื่อรองรับลุ่มคนทำงาน ยังส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้ เป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือการปล่อยเช่าเพื่อรับผลตอบแทนที่สูงถึง 6% ก็ยังให้ความคุ้มค่าอย่างน่าสนใจ
.
โดย The Base Urban Rama 9 ให้เปิดจอง 13-14 ก.ย. นี้ ลงทะเบียนที่ https://siri.ly/jDpj0m7
Alternate-X สรุปให้
ตลาดอสังหาฯ ไทยปี 2568 ยังท้าทายจากปัจจัยลบและกำลังซื้อที่ชะลอตัว หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่กลายเป็นบททดสอบแบรนด์พัฒนาอสังหาฯ ไทยแสนสิริเลือกปรับกลยุทธ์หันมาจับ ‘ทำเลที่ใช่’ และโครงการพร้อมอยู่แทนตลาดพรีเมียมที่ชะลอการทำตลาดออกไปก่อน เพื่อเจาะกลุ่มกำลังซื้อจริงและนักลงทุนยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของตลาดคอนโด พร้อมเปิด The Base Urban Rama 9 เปิดตัวด้วยราคาเริ่ม 3.79 ลบ. พร้อมยีลด์ลงทุนสูงถึง 6%