เช็กด่วน!! ปวดคอเรื้อรัง ไม่ใช่แค่ออฟฟิศซินโดรม ‘หมอนรองกระดูกปลิ้น’ ภัยเงียบทำชา-อ่อนแรง

โรงพยาบาล S Spine & Joint Hospital ไขชัด ! คอกระแทกแรง เสี่ยงหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นได้จริงหรือไม่?”

 

ในยุคที่ข้อมูลสุขภาพถูกรับส่งผ่านโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจเคยได้ยินคำเตือนว่า“คอกระแทกแรง ๆ หรือสะบัดคอบ่อย ๆ อาจเสี่ยงทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น”

 

คำกล่าวนี้สร้างความกังวลให้กับผู้ที่มีอาการปวดคอ รวมถึงคนทำงานออฟฟิศที่มักเคลื่อนไหวคออย่างไม่ระมัดระวัง

 

หน้าที่หมอนรองกระดูก

 

นพ. สุทธวีร์ ปังคานนท์ แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อ โรงพยาบาล S Spine & Joint Hospital เผยว่า หมอนรองกระดูกสันหลัง (Intervertebral Disc) เป็นแผ่นเจลเนื้ออ่อนที่อยู่ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละชิ้นทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทก และช่วยให้กระดูกสันหลังเคลื่อนไหวได้อย่างยืดหยุ่น

 

หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น (Disc Herniation) เกิดจากการที่หมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม แตก หรือเคลื่อนออกจากตำแหน่ง จนไปกดเบียดเส้นประสาท ส่งผลให้มีอาการปวดร้าว ชา หรืออ่อนแรงบริเวณแขน ขา หรือหลัง

 

เสี่ยง!! หมอนรองกระดูกปลิ้น

 

ขณะที่ การหันคอแรง หรือสะบัดคอด้วยความเร็วสูงในบางจังหวะ อาจไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น แต่สำหรับบางคน โดยเฉพาะในผู้ที่มีหมอนรองกระดูกสันหลังเริ่มเสื่อมตามอายุ มีพฤติกรรมที่ใช้คอผิดซ้ำ ๆ หรือมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับกระดูก แรงกระแทกเพียงครั้งเดียว!! อาจกลายเป็นปัจจัยเร่งให้หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นได้ทันที

 

“คอกระแทกแรง ๆ อาจไม่ทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น “ทันที” ในคนปกติ แต่ในผู้ที่มีความเสื่อมอยู่แล้ว นี่อาจเป็น “ชนวนสุดท้าย” ที่ก่อให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นได้ในทันที” นพ. สุทธวีร์ กล่าว

 

พร้อมยกเคสที่เคยรักษาพบว่า มีผู้ป่วยอายุน้อยมีภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น จากอุบัติเหตุล้มขณะเล่นสกี ซึ่งถือเป็นกรณีที่พบไม่บ่อยในคนวัยหนุ่มสาว แต่เกิดขึ้นได้จริงจากแรงกระแทกบริเวณ “คอ”

 

และพฤติกรรมที่ถูกมองข้าม หลังล้ม ผู้ป่วยมีอาการปวดคอ โดยเข้าใจว่าเป็นอาการกล้ามเนื้ออักเสบทั่วไป จึงรับประทานยาและทำกายภาพบำบัดมานานกว่า 1 เดือน แต่อาการไม่หายขาด และกลับมาเป็นซ้ำอีกเรื่อย ๆ

 

“คนไข้เคยไปพบแพทย์หลายแห่ง แต่ส่วนใหญ่บอกว่าเป็นแค่ออฟฟิศซินโดรม ทั้งที่อาการค่อนข้างรุนแรง และปวดจนทำงานไม่ได้”
นพ. สุทธวีร์ กล่าว

 

ช่วงแรก ผู้ป่วยมีเพียงอาการปวดคอ บ่า ไหล่ แต่ไม่ร้าว จนกระทั่ง 1–2 สัปดาห์ก่อนพบแพทย์ อาการเริ่ม “ร้าวลงแขนและนิ้ว” ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนของภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นกดทับเส้นประสาท เมื่อตรวจ MRI พบว่า หมอนรองกระดูกสันหลังบริเวณคอปลิ้นออกมาจริง และจุดที่ปลิ้นนั้น สอดคล้องกับตำแหน่งที่เกิดแรงกระแทกในวันเกิดอุบัติเหตุ

 

เกิน2 สัปดาห์ต้องมาตรวจ

 

ส่วน สัญญาณอันตรายที่ควรสังเกต: ◦ อาการปวดคอ บ่าไหล่ที่ เป็นต่อเนื่องนานกว่า 2 สัปดาห์ ◦ อาการ ไม่ดีขึ้นแม้จะได้รับยาและทำกายภาพบำบัดแล้ว ◦ อาการ ปวดร้าวลงแขน ลงนิ้ว ◦ มีอาการ ชาหรืออ่อนแรง หากมีอาการชาหรืออ่อนแรง ควรรีบมาพบแพทย์

 

เพราะหากทิ้งไว้นาน เส้นประสาทอาจเสียหายถาวร และไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ หรือกลับมาได้เพียงบางส่วน การฟื้นตัวหลังการรักษาก็จะทำได้ยาก ยกเว้นในกรณีที่ถูกบริเวณไขสันหลังโดยตรง ซึ่งจะทำให้มีอาการเยอะมากและเป็นทั้งตัว

 

ขณะที่ บริเวณที่พบหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นบ่อยที่สุดบริเวณคอ ช่วงข้อต่อ  C4-C5) และ ข้อ C5-C6 เป็นบริเวณที่พบหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นบ่อยที่สุด เนื่องจากเป็น ข้อต่อที่มีการขยับและเคลื่อนไหวในการก้มเงยมากที่สุด

 

ปรับพฤติกรรมการใช้คอ

 

การป้องกันและดูแล  ใช้งานคออย่างถูกวิธี: ปรับท่าทางเมื่อเล่นมือถือไม่ให้ก้มคอมากเกินไป และปรับระดับคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา ◦ หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ: พยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีความเสี่ยง ◦ ออกกำลังกาย: เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอ เพื่อช่วยให้กระดูกคอเสื่อมช้าลง และใช้งานได้นานขึ้น

ย้ำแพทย์เฉพาะทาง

 

สำหรับ โรงพยาบาล S Spine & Joint Hospital มีเครื่องมือวินิจฉัยชั้นนำ เช่น MRI ความละเอียดสูง ที่ช่วยตรวจสอบภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น การกดทับเส้นประสาท และความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกอย่างแม่นยำ ช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด ให้บริการรักษาที่หลากหลายครอบคลุมทุกระดับอาการ ตั้งแต่การรักษาแบบไม่ผ่าตัด เช่น การใช้ยา กายภาพบำบัด และการฉีดยาระงับปวดเฉพาะจุด ไปจนถึงการผ่าตัดผ่านกล้อง (Minimally Invasive Surgery) ที่ช่วยลดแผล เจ็บน้อย และฟื้นตัวไว

Alternate-X สรุปให้  

ปวดคอเรื้อรังที่หลายคนเข้าใจผิดว่าคือออฟฟิศซินโดรม แท้จริงอาจเป็น ‘หมอนรองกระดูกปลิ้น’ ภัยเงียบที่ทำให้อาการ ชา และ อ่อนแรง ได้ บทความนี้จะเผยพฤติกรรมเสี่ยง อาการที่ควรสังเกต และสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ว่าควรพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อป้องกันเส้นประสาทเสียหายถาวร และแนะนำวิธีป้องกันดูแลสุขภาพคอ พร้อมเผยบทบาทของ โรงพยาบาล S Spine & Joint Hospital ในการวินิจฉัยและรักษาด้วยเทคโนโลยีที่แม่นยำ

 

บทความล่าสุด

COLLABORATE IDEAS, CREATE SUCCESS


FOLLOW US

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.