เพาเวอร์บาย ไปต่อปีที่3 โครงการ ‘เก่าแลกใหม่’ มีส่วนร่วมจัดการขยะพิษเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า-ซากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พบมีสัดส่วน 65% ของปริมาณขยะ 4.42 แสนตัน ในไทย
พัชราภรณ์ วรยิ่งยง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้า ‘เพาเวอร์บาย’ กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทาง ‘Green Technology’ อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านโครงการ ‘เก่าแลกใหม่ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ซึ่งทำต่อเนื่องปีที่ 3 เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ยังส่งเสริมให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว เพื่อตอบโจทย์การจัดการของเสีย หรือ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) อย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว
โดย ‘เพาเวอร์บาย’ ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเวสต์แมเนจเมนท์สยาม ในการรวบรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ลูกค้านำมาร่วมโครงการ และนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น ซึ่งมีสารทำความเย็นที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จะได้รับการจัดการอย่างปลอดภัยภายใต้ ‘โครงการแซนด์บ็อกซ์ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิต กรณีเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น’ โดย ศสอ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญในการวิจัยและต่อยอดแนวทางการจัดการ E-Waste อย่างยั่งยืนต่อไป
อึ้ง!! ปริมาณขยะพิษอย่างล้น
ด้าน รศ. ดร.สุธา ขาวเธียร ผู้อำนวยการ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า ในปี 2566 พบว่าประเทศไทยมีปริมาณขยะอันตรายกว่า 680,000 ตัน
โดย 65% หรือประมาณ 442,000 ตันเป็นซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) ซึ่งได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธีเพียง 21% เท่านั้น
“ขยะเหล่านี้อาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนในดิน น้ำ และอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะสารหล่อเย็นในแอร์และตู้เย็นที่ต้องได้รับการกำจัดอย่างเหมาะสม” รศ. ดร.สุธา กล่าว
ทั้งนี้ จึงได้ริเริ่มโครงการวิจัย “แซนด์บ็อกซ์ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิต กรณีเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น” ขึ้น เพื่อทดสอบกลไกการจัดการซากผลิตภัณฑ์ตามหลักความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิต โดยหนึ่งในความท้าทาย คือ การรวบรวมซากผลิตภัณฑ์ให้เข้าสู่การจัดการอย่างถูกต้อง
โดยในปีนี้ ได้รับความร่วมมือกับภาคธุรกิจอย่างเพาเวอร์บายถือเป็นก้าวสำคัญในการร่วมมือกันช่วยขับเคลื่อนระบบการจัดการ E-Waste อย่างยั่งยืนในประเทศไทย
นอกจากนี้ ทีมผู้บริหารและทีมช่างเทคนิคจากเพาเวอร์บายยังได้เข้าศึกษาดูงานที่ เวสต์แมเนจเมนท์สยาม เรียนรู้กระบวนคัดแยก และรีไซเคิลซากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ถูกวิธี เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งจะถูกนำไปใช้พัฒนากระบวนการจัดการซากผลิตภัณฑ์ของเพาเวอร์บายในระยะยาว
สำหรับ โครงการ “เก่าแลกใหม่ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” เป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่สะท้อนเจตนารมณ์ของเพาเวอร์บายในการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่ความยั่งยืน พร้อมสานต่อปรัชญา “CRC Care” ของเซ็นทรัล รีเทล ในมิติ Care for the Environment ที่มุ่งสร้างโลกสีเขียวอย่างยั่งยืน และตอกย้ำการเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกค้าส่งต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย
อนึ่ง บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง ทั้งในประเทศไทย ประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม โดยมีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,844 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568) และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel
โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
- กลุ่มฟู้ด มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค วัตถุดิบอาหาร รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์ เดลี่ ท็อปส์แคร์ และโก โฮลเซลล์ ในประเทศไทย ส่วนประเทศเวียดนาม ได้แก่ บิ๊กซี/ โก (GO!) ท็อปส์ มาร์เก็ต มินิ โก (go!) และ ลานชี มาร์ท
- กลุ่มฮาร์ดไลน์ มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม
- กลุ่มแฟชั่น มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป
- กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ มุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่ สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 62 จังหวัด ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 43 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ
Alternate-X สรุปให้
เพาเวอร์บายเดินหน้า Green Technology ผ่านโครงการ “เก่าแลกใหม่ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” ร่วมมือกับจุฬาฯ และพันธมิตรในการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ หวังลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมจาก E-Waste โดยเฉพาะสารหล่อเย็นในเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า หลังพบปี 2566 ไทยมีขยะพิษ 680,000 ตัน โดย 65% เป็นซากเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ได้รับการจัดการถูกวิธีเพียง 21% สะท้อนปัญหาจริงจังต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โครงการนี้คือหนึ่งในแนวทางขับเคลื่อนค้าปลีกสู่ความยั่งยืนที่แท้จริงในระยะยาว