ทำความรู้จัก MUNIE แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ ESG ที่มาก่อนกาลของคนไทย สู่มาตรฐาน EU รายแรก

จากวัชพืชสู่เส้นใยยั่งยืน

ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน ‘วิลาสินี ชูรัตน์’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ‘มูนี่’ (MUNIE) ได้มองเห็นคุณค่าของวัชพืชที่เอ่อล้นลอยอยู่ในแม่น้ำลำคลองเมืองไทยมาเนิ่นนานอย่าง ผักตบชวา แทนที่จะปล่อยให้เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ ‘เธอ’ กลับคิดว่าวัชพืชชนิดนี้สามารถนำกลับมาเพิ่มมูลค่าได้ด้วยการพัฒนาให้กลายเป็นเส้นใยสำหรับสิ่งทอ และต่อยอดสู่สินค้าแฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความยั่งยืน

ด้วยแนวคิดนี้ ‘มูนี่’ จึงได้เติบโตมาเป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่มุ่งเน้นการใช้วัสดุจากธรรมชาติ ไปพร้อมทำงานร่วมกับชุมชน 5 ในจังหวัดภาคอีสาน เพื่อเชื่อมโยงการทำงานและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ระหว่างกัน

“ข้อดี คือ เราได้ช่วยกระจายรายได้และสร้างงานให้ท้องถิ่นอย่างแท้จริง มีชาวบ้านที่ทำงานร่วมกับมูนี่ราว 30 ราย ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนโดยการจ่ายค่าแรงเป็นชิ้นงาน อย่างถ้าเป็นการย้อมสีธรรมชาติจะจ่ายเป็นกิโลๆ 250-600 บาท แล้วแต่ สีเข้มอ่อน และวัตถุดิบที่ใช้ย้อมสี ถ้าทอผ้า จ่ายเป็นราคาต่อเมตร ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของลวดลาย โดยมูนี่จะใช้วิธีให้คนทอเป็นผู้กำหนดราคา เพราะเป็นงานฝีมือ เหมือนเป็นงานศิลปะ” วิลาสินี กล่าว

 

มูนี

MUNIE x STAY

ปัจจุบัน มูนี่ไม่ได้หยุดอยู่แค่สินค้าแฟชั่นเท่านั้น แต่ยังขยายไลน์สินค้าสู่ หมวดของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่ โดยยังคงใช้แนวคิดหลักคือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โดยหนึ่งในโปรเจกต์สำคัญของปีนี้คือการ Co-Project ร่วมกับ ฮันส์ เคงเกน นักออกแบบชาวเนเธอร์แลนด์ เพื่อสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์จากไม้ไผ่และผ้าทอมือจากเส้นใยผักตบชวา ภายใต้คอลเลคชัน “Stay” ซึ่งเปิดตัวไปในงาน Bangkok Design Week 2025  ระหว่างวันที่ 8-16 ก.พ.ที่ผ่านมา และเตรียมนำไปอวดโฉมผลิตภัณฑ์อีกครั้งในงาน Style Bangkok 2025 จัดขึ้น ณ ศูนย์สิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 2-6 เม.ย. นี้

ไปต่อขยายตลาดโรงแรมที่พัก 

วิลาสินี บอกว่า จากเส้นทางของเส้นใยผักตบชวา ด้วยการพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์มูนี ยังได้สะท้อนถึงความตั้งใจจริงของการเป็น Eco Lifestyle Branding อย่างแท้จริง ด้วยในปี 2567 ที่ผ่านมา ‘MUNIE’  ได้รับรางวัล ‘UN wep award’ ซึ่งเป็นรางวัลระดับสากลเป็นเครื่องหมายว่า มูนี่ จริงจังอย่างมากในเรื่องความยั่งยืน

สอดคล้องกับในปัจจุบันตลาดสหภาพยุโรป (EU) ได้ออกกฎระเบียบ EUDR ควบคุมการนำเข้าไม้และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ ทำให้ SME ไทยหลายแบรนด์ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ไม้ไผ่ไม่เข้าข่ายข้อจำกัดดังกล่าว เนื่องจากเป็นพืชโตเร็วและสามารถปลูกทดแทนได้ง่าย นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่มูนี่จะพัฒนาเฟอร์นิเจอร์จากไม้ไผ่เพื่อตอบโจทย์ตลาดยุโรปที่ต้องการสินค้าที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ ตลาดโรงแรม รีสอร์ต และบูทีคโฮเตล ที่เน้นการออกแบบภายใต้แนวคิด Sustainable Living ก็เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มูนี่กำลังขยายเข้าไป

บทสรุป 

มูนี (MUNIE) เป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่เน้นความยั่งยืน (ESG) โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาเส้นใยจาก ผักตบชวา สู่อุตสาหกรรมแฟชั่นและของตกแต่งบ้าน ล่าสุดได้ขยายไลน์สินค้าไปสู่ เฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่ เพื่อตอบโจทย์ตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ดยเฉพาะในยุโรปที่มีกฎระเบียบ ด้านการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่เข้มงวด ซึ่งไม้ไผ่เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบัน มูนี ยังทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อสร้างรายได้และสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมวางแผนขยายตลาดไปยังกลุ่มโรงแรม รีสอร์ต และบูทีคโฮเตล ที่ให้ความสำคัญกับ Sustainable Living

บทความล่าสุด

COLLABORATE IDEAS, CREATE SUCCESS


FOLLOW US

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.