‘แม่หมู-สุภาลักษณ์ กมลธรไท’ อดีตคุณครูสอนเลขโรงเรียนมัธยม จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่มองเห็นจังหวะการทำธุรกิจจากสินค้าเกษตรมะขามหวาน’ ‘ตัวตึง’ ของดีประจำจังหวัด
พร้อมนำผลผลิตเข้าสู่กระบวนการแปรรูปมาทำตลาดสินค้าภายใต้แบรนด์ สารัช (Sarach) มะขามแปรรูป เป็นครั้งแรกเพื่อส่งขายในช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 400 สาขาภาคเหนือ มาตั้งแต้ปี 2547 ถึงปัจจุบันแบรนด์เดินทางมาร่วม 20 ปีแล้ว
สุภาลักษณ์ กมลธรไท ผู้ก่อตั้ง/กรรมการผู้จัดการ บริษัท สารัช มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
ก่อนจะสร้างแบรนด์-เร่ขายมาก่อน
‘แม่หมู’ วัย 69 ปี ในวันนี้ เล่าจุดเริ่มต้นธุรกิจยังมาจากประสบการณ์วัยเด็กของตัวเอง มักช่วยแม่ (ย่าสนม) ซึ่งเป็น ‘คนหล่ม’ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ต้องเดินทางไปค้าขายผลไม้ต่างเมืองบ่อยครั้ง จนทำให้รู้จักมะขามสายพันธ์ต่างๆ เป็นอย่างดี
บวกกับความชอบค้นหาข้อมูลต่างๆ จากหน้าหนังสือพิมพ์ยุคนั้น ที่สอนวิธี ‘เกษตรแปรรูป’ มาประยุกต์สูตรเพื่อปรุงรสชาติเพิ่มมูลค่าให้กับ ‘มะขาม’ และสร้างความต่างไปจากมะขามหวานทั่วไป ก่อนนำไปเร่ขายในแหล่งชุมชนต่างๆ
ถือเป็นจุดเริ่มต้นตำรับกิจการมะขามหวานแปรรูป นับตั้งแต่ปี 2520 เป็นต้นมา ในกลุ่มพี่น้องของแม่หมูที่ปัจจุบันได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว เหลือเพียง ‘แม่หมู’ คนเดียวที่ยังทำธุรกิจมะขามแปรรูปมาต่อเนื่องในวันนี้
โดยในช่วงนั้น ‘แม่หมู’ ยังเคยเป็นแม่ค้าขนสินค้ามะขามแปรรูป ทั้ง 5 รสชาติ อย่าง มะขามคลุก, มะขามแก้ว, มะขามกวน, มะขามแช่อิ่ม และ มะขามจี๊ดจ๊าด เข้ามาขายที่ ตลาดมหานาค กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ 50 ปีก่อนหน้า พร้อมกับออกร้านขายของในแหล่งชุมชน และจังหวัดใกล้เคียงต่างๆ ของเมืองเพชรบูรณ์ เป็นระยะ
อาจเรียกได้ว่า ธุรกิจมะขามสารัช มีจุดเริ่มต้นจากตลาดงานวัด นั่นเอง!!
กระทั่งกิจการมะขามเริ่มไปได้ด้วยดี ทำให้ แม่หมู ตัดสินใจลาออกจากงานประจำอาชีพครู เข้าสู่ธุรกิจมะขามแปรรูปต็มตัวในปี 2548 โดยนำสินค้าเข้าจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น 400 สาขาในภาคเหนือ ภายใต้แบรนด์ ‘สารัช’ ซึ่งเป็นชื่อของลูกชาย ไปพร้อมกับแผนปรับปรุงโรงงานครั้งใหญ่
โดยก่อนหน้าได้จัดตั้งบริษัทในปี 2545 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท และเพิ่มทุนจดฯเป็น 50 ล้านบาทในปี 2559 พร้อมเพิ่มทุนอีกครั้งเป็น 100 ล้านบาทในปี 2562 จนมาถึงในยุคปัจจุบัน
สารัช กมลธรไท ทายาทรุ่น 1.5 สารัช มะขามแปรรูป และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สารัช มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
แม่หมู แทรกเกร็ดการเลี้ยงลูกชายซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์มะขามแปรรูป ให้ฟังว่า “ตอนที่สารัชยังเรียนชั้นประถมและมัธยม แม่จะไม่ให้ค่าขนมลูกเลย แต่จะให้เอามะขามมัดถุงเล็กๆ ของที่บ้านไปขาย ได้เงินเท่าไหร่ถือเป็นค่าขนมไปเลยแล้วกัน”
เมื่อเพลี่ยงพล้ำต้องกลับมาทบทวน
ในวันนี้ ‘สารัช’ มะขามแปรรูปได้ปรับแผนธุรกิจพร้อมรีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี ให้มีความรัดกุมและครอบคลุมทั้งกลุ่มเป้าหมายและช่องทางขาย ทั้งในร้านค้าสะดวกซื้อและไฮเปอร์มาร์เก็ต มากขึ้น
เพื่อนำแบรนด์ ‘สารัช’ คืนสู่ผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดค้าปลีกมะขามแปรรูปมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท ให้ได้ในปีนี้
ด้วยปัจจุบันแบรนด์ ‘สารัช’ มะขามแปรรูป อยู่อันดับ ‘ท็อปทรี’ ในภาพรวมตลาดหลังเพลี่ยงพล้ำส่วนแบ่งไปเมื่อช่วงแพร่ระบาดโควิดราว 5 ปีก่อน จากยอดขายที่ลดลงในร้านสะดวกซื้อที่ส่วนใหญ่สาขาถูกควบคุมเวลาเปิดปิดในช่วงดังกล่าว ทำให้แบรนด์คู่แข่งมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นจากห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ซึ่งในเวลานั้น ‘สารัช’ ไม่ได้โฟกัสตลาดช่องทางนี้ แต่อย่างใด
จากสถานการณ์ครั้งนั้น ทำให้แบรนด์ต้องหันกลับมาทบทวนแผนการทำตลาดในช่องทางขายใหม่ให้มีความสมดุลในสัดส่วนร้านค้าปลีกสะดวกซื้อ 50-60% และ 40-50% ในไฮเปอร์ มาร์เก็ต ในปัจจุบัน
พร้อมจัดพอร์ตสินค้าใหม่ทั้ง 4 แบรนด์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ‘สารัช’ (SARACH TAMARIND) Alisa, ASHIRA SAN และ SARACH GOLD โดยมี ‘สารัช กมลธรไท’ ลูกชายและกรรมการผู้จัดการบริษัท สารัช มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เป็นผู้ทำตลาด
สร้างระบบนิเวศมะขาม GI
พร้อมกันนี้ แม่หมู ยังเข้ามาทำงานใกล้ชิดกับชาวสวน ‘มะขามหวาน’ ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ ด้วยหลักคิดการทำมะขามต้นเตี้ย เพื่อไม่ให้ทรงพุ่มชนกันเมื่อต้นมะขามมีอายุมากขึ้น
“หากพุ่มกิ่งก้านต้นมะขามชนกัน ย่อมหมายถึงผลมะขามจะลดลงตามไป ด้วยดอกมะขามที่ให้ผลผลิตมักจะหันหน้าออกตามแสงแดดที่ส่องออกมาเสมอ และหากพุ่มไม้หนาแน่นติดกันจนแสงส่องมาไม่ถึงต้นมะขามก็ย่อมออกดอกและติดผลได้ยากเช่นกัน”
ขณะที่การทำมะขามต้นเตี้ย จะต้องทิ้งระยะห่างการปลูกประหว่างต้น 12×12 เมตร เพื่อให้ได้มะขามที่มีคุณภาพและง่ายต่อการเก็บผลผลิตอีกด้วย โดยมะขามต้นเตี้ยที่มีอายุราว 40 ปี จะเริ่มทยอยตัดกิ่งทุกๆ สองถึงสามปี เพื่อให้ต้นเตี้ยลง ซึ่งมะขาม จะใช้ระยะเวลาปลูกราว 3-5 ปีจึงจะสามารถเก็บผลิตได้ต่อครั้งต่อปี ในทุกช่วงปลายเดือนธันวาคม-เมษายน
“สารัช มะขามแปรรูป จะทำงานร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นในจังหวัดเพชรบูรณ์ที่หลากหลาย รวมถึงชาวสวนมะขาม GI จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีรสชาติเอกลักษณ์ โดยสารัชฯ จะเข้ารับซื้อผลผลิตจากเครือข่ายชาวสวนมะขามในจังหวัดที่ปัจจุบันรับเหมาไปแล้วกว่า 80% ของผลผลิตที่ปลูกได้ทั้งหมด เพื่อรับประกันความแท้ของรสชาติมะขามหวานเพชรบูรณ์ภายใต้แบรนด์สารัช” แม่หมู ย้ำ
พร้อมเสริมว่า ในช่วงที่ผ่านมา สวนมะขามหวานในจังหวัดเพชรบูรณ์ เคยเผชิญกับความท้าทายของกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาตั้งล้งรับซื้อผลผลิตโดยตรงจากชาวสวนและจูงใจด้วยการจ่ายเงินสดให้ ‘ทันที’ ตามราคากลาง หรือเคยมีบางรายที่ใช้กลยุทธ์ตัดราคาขายมะขามหน้าตลาดให้ถูกลงกว่าก็มี
แม่หมู บอกว่า การเข้ามาของทุนต่างชาติในครั้งนั้น ยังทำให้มาตรฐานการตัดเกรดคุณภาพมะขามหวานเพชรบูรณ์เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยแยกขนาดและข้อมะขามตามความสมบูรณ์ของฝัก เพื่อกำหนดราคาด้วยคุณภาพที่แตกต่างออกไป ซึ่งวิธีการของทุนต่างชาติดังกล่าว ส่งผลกระทบให้ตลาดมะขามท้องถิ่นเพชรบูรณ์ในช่วงหนึ่งกลายเป็นมะขามคละเกรดที่ผสมกันทั้งขนาดและฝัก รวมอยู่ในลังเดียว
“สุดท้ายแล้วตลาดจะเป็นคนตัดสินจริงๆ ว่าต้องการคุณภาพสินค้ามากกว่า ที่แม้ว่าบางเจ้าจะทำราคาถูกกว่าหนึ่งบาทต่อกิโลกรัมหน้าตลาด แต่แล้วก็กลับมาหาแบรนด์สารัช ที่ขายคุณภาพแม้จะมีราคาสูงกว่าก็ตาม”
ปัจจุบัน แม่หมู ยังเป็นประธานกลุ่มคลัสเตอร์มะขาม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่มะขามหวานอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 12-13 กลุ่ม รวมกว่าหลายหมื่นไร่ และรวมทั้งจังหวัดมีจำนวนมากกว่าแสนไร่
เพื่อพัฒนาคุณภาพมะขาม จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้ได้ราคาดีมีคุณภาพ โดยเฉพาะหากเป็นมะขาม GI เพชรบูรณ์ จะมีราคาสูงกว่ามะขามทั่วไปราว 30% ที่ปัจจุบันมีเกษตรกรกว่า 100 รายที่รับการันตีสินค้ามะขาม GI เพชรบูรณ์
อาณาจักร Sarach Tamarind Hill
ปัจจุบัน สารัช มะขามแปรรูป มีแผนใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตสินค้าเพิ่มจากเดิมมีความต้องการอยู่ที่ 2,000-3,000 ตันต่อปี ทำสินค้ามะขามแปรรูปออกมาได้ไม่ต่ำกว่า 8 ล้านชิ้นต่อเดือน แบ่งเป็นกลุ่มมะขามจี๊ดจ๊าด 6-7 แสนชิ้นต่อเดือน
โดยสินค้า ทำตลาดทั้งในและส่งออกต่างประเทศในรูปแบบการสั่งซื้อเข้ามา (PO) ในประเทศต่างๆ อาทิ ออสเตรเลีย, ยุโรป , สหรัฐอเมริกา และกัมพูชา เป็นต้น ซึ่งหากรวมตลาดส่งออกด้วยแล้ว คาดมะขามแปรรูปจะมีมูลค่าตลาดรวมไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท จากตลาดผลไม้แปรรูปคาดมีมูลค่าราว 4,000-5,000 ล้านบาท
สำหรับโรงงานสารัชฯ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ อําเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อเป็นเซ็นเตอร์ดูแลกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในอนาคต รวมถึงยังสร้าง ‘สารัช แทมมาริน ฮิลล์’ (Sarach Tamarind Hill) บนพื้นที่ 12 ไร่ เพื่อเป็น ‘แลนด์มาร์ค’ ใหม่ของเพชรบูรณ์ ที่รวบรวมสินค้าของฝากจากเมืองมะขามหวาน พร้อมด้วยคาเฟ่ BOOGA BOOGA และ ร้านขนมจีนเส้นสดสูตรดั้งเดิม (ย่าสนม) เพื่อต้อนรับทุกคนที่เดินทางมาเมืองเพชรบูรณ์แห่งนี้
แม่หมู ทิ้งท้ายว่า ตลอด 50 ปีของแบรนด์สารัชมะขามแปรรูป เจอกับทั้งความท้าทายและโอกาสของธุรกิจดั่งรสชาติของมะขามที่มีทั้งหวานและเปรี้ยวเช่นกัน ซึ่งในวันนี้ ‘แม่หมู’ ยังสนุกกับการทำงานอยู่พร้อมวางแผนไม่อำลาวงการมะขามแปรรูปอย่างแน่นอน
ด้วยหากจะต้องเกษียณจริงๆ แม่หมู แสดงเจตนารมณ์ไว้ชัดเจนว่า ขอห้องแล็บเพื่อนั่งทำงานวิจัยและพัฒนาสินค้ามะขามหวาน ของดีประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ต่อไปเรื่อยๆ ก็พอใจแล้ว
Alternate-X สรุปให้
‘แม่หมู-ศุภาลักษณ์ กมลธรไท’ จากครูสอนเลขสู่เจ้าของแบรนด์ ‘สารัช’ มะขามแปรรูป ที่สานต่อธุรกิจจากประสบการณ์วัยเด็กจนเติบโตยาวนานกว่า 50 ปี พร้อมการรีเฟรชแบรนด์ เพื่อขยายตลาดสู่ทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้การบริหารร่วมกับลูกชาย ‘สารัช กมลธรไท’ ด้วยการสร้างระบบเกษตรแปลงใหญ่มะขามหวาน GI จังหวัดเพชรบูรณ์ และปั้น Sarach Tamarind Hill เป็นแลนด์มาร์คใหม่ของเมืองเพชรบูรณ์ ในปัจจุบันอีกด้วย