เริ่มคลี่คลายไปบ้าง หลังข้อตกลงหยุดยิงตลอดแนวปะทะชายแดน ไทย-กัมพูชา เมื่อหลังเวลา 24.00 น. ของวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
แต่ทว่าในโลกออนไลน์ แพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ ยังมีความเคลื่อนไหว จาก ‘Netizen’ พลเรือนชาวเน็ตในโลกไซเบอร์ ของสองประเทศไทย-กัมพูชา ที่พร้อมส่งกองกำลังทั้งไอโอ และ นักรบหนัาจอ มารัวกระสุนตัวอักษรผ่านแป้นคีย์บอร์ด แบบไม่พัก เพื่อปกป้องความจริงและศักดิ์ศรี ของแต่ละฝ่าย!!
นอกจาก พลเรือนชาวเน็ตทั่วไปในสองประเทศ ที่เข้าร่วมสมรภูมิภูมิไซเบอร์ในครั้งนี้ ยังมี ‘คนดัง’ กัมพูชา ‘ วัณณ์ฎา‘ ( ម៉ាន់ វណ្ណដា) ที่คนไทยบางกลุ่มรู้จักเขาในชื่อ ‘VANNDA’ แวนดา แร็ปเปอร์ชื่อดังชาวกัมพูชา จากโชว์ของเขาในมหกรรมพิธีปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค 2024 ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อล่าสุด
ในด้านผลงานของแวนดา มีเพลง Sangkran Magic ที่คนไทยบางกลุ่ม (อีกเช่นกัน) รู้จักคุ้นหู และได้ถูกนำมาโคฟเวอร์อย่างกว้างขวางบนแพลตฟอร์มโซเชียล ในช่วงที่ผ่านมาด้วย
นอกจากนี้ ในปี 2566-2567 ’แวนดา‘ ยังได้ร่วมงานกับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มระดับโลก Coke ‘โค้ก’ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ ผ่านแคมเปญ ‘Share a Coke’ ของ Coca‑Cola Cambodia ที่แบรนด์เลือกหยิบ แวนดา มาสื่อสารการตลาดระดับท้องถิ่นในประเทศกัมพูชา
จากเส้นเรื่องคร่าวๆ หากมองในเชิงการตลาด ’แวนดา‘ ถือเป็นทั้งแบรนด์บุคคล (Personal Brand) ที่เข้ากระแสและมีอิทธิพลไม่น้อยในโซเชียลระดับท้องถิ่น ด้วยตัวตนของ แวนดา เองยังสะท้อนถึง อัตลักษณ์ นิสัย จิตใจ ความเป็นชนชาติกัมพูชา (National Brand) ออกมาได้อย่างแจ่มชัดในฐานะ ‘คนดังหนึ่งเดียว’ ของกัมพูชาที่อุตสาหกรรมบันเทิงโลกรู้จักและให้ความยอมรับในฝีมือทางดนตรี
อย่างไรก็ตามจากตำแหน่งของ ‘แวนดา’ ที่เอาแบรนด์ตัวเองลงมาเคลื่อนไหวในโซเชียลอย่างหนักและต่อเนื่อง พร้อมแสดงจุดยืน ‘Call out’ จากมุมมองทึ่เขาได้รับโดยโพสต์ลงสื่อโซเชียล ตลอดช่วงนับจากเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นล่วงถึงการเจรจาข้อยุติการหยุดยิง ไปเมื่อล่าสุด
แน่นอนว่าการกระทำของ แวนดา ยังเป็นการเรียกแขกจากพลเรือนเน็ตชาวไทย ที่มีกองกำลังรถทัวร์จำนวนมหึมา ซึ่งพร้อมนำไปจอดฝั่งตรงข้ามแบบ 24 ชั่วโมง เพื่อตอบโต้ทุกความเคลื่อนไหวไม่พักในโซเชียลของ แวนดา ด้วยเช่นกัน
ล่าสุดจากความ ท็อป ฟอร์ม ไม่แผ่วของแวนดา ที่ยังโพสต์พาดพิงประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ Netizen ไทย ออกมาทำสงครามแป้นคีย์บอร์ดครั้งใหญ่ที่มาพร้อมกับติดแฮชแทค #แบนโค้ก รณรงค์การหยุดดื่มโค้กจนกกว่าจะเลิกใช้ พรีเซ็นเตอร์กัมพูชา รายนี้
กระแสที่เกิดขึ้น อาจเรียกได้ว่าเป็นการขยายแนวปะทะจากชายแดนไทย-กัมพูชา มาสู่แนวหน้าการตลาดสินค้าของจริง!! ที่แม้จะยังไม่สามารถชี้วัดได้ว่าจะกระทบตลาดได้จริงมากน้อยแค่ไหน?!?
แต่งานนี้สะท้อนถึงพลังของคนดังหนึ่งเดียวในกัมพูชา ที่อาจไม่ได้ออกมาเรียกร้องเพื่อความสันติแต่กลับลุกลามไปยัง ‘แบรนดิ้ง’ ทั้งตัวตน และ แบรนด์สินค้าที่เกี่ยวข้องไปด้วย
พลังอินฟูลฯ สันติหรือขยายวง?
ต่อเรื่องนี้ ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (President & CEO) ของกลุ่ม MI (Media Intelligence Group) กล่าวว่าจากสถานการณ์ดังกล่าว หากมองในเชิงภาพลักษณ์สินค้าทึ่แม้ว่า ’โค้ก‘ จะเป็นแบรนด์ระดับโลก ที่เลือก ‘แวนดา’ คนดังของประเทศกัมพูชา มาร่วมสื่อสารการตลาดระดับท้องถิ่นเท่านั้น ซึ่งภาพกว้างในขณะนี้ อาจไม่มีผลกระทบกับแบรนด์โดยตรงแต่อย่างใด
“จากความเคลื่อนไหวของแวนดา ซึ่งเป็นพรีเซ็นเตอร์โค้กอาจช่วยยอดขายในประเทศกัมพูชาช่วงสั้นด้วยซ้ำ แม้จะมีกระแสจากไทยแบนสินค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่พูดได้ แต่ไม่ได้มีอิมแพคกับตลาดมากนัก”
ภวัต กล่าวพร้อมเสริมว่า
ขณะที่แบรนด์โค้ก เองอาจมองกรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการตลาดท้องถิ่น ซึ่งการเลือก ‘แวนดา’ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อสร้างการยึดโยงกับคนในประเทศเขาเท่านั้น ส่วนในระดับโกลบอล อาจมองในประเด็นอื่นๆมาประกอบ ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกรณีพิพาทระหว่างสองประเทศ ยังไม่มีการระบุชัดว่าฝ่ายใดผิดหรือถูก ซึ่งตัวแบรนด์ยังให้น้ำหนักความสำคัญในตลาดทั้งสองประเทศ
“แต่ถ้าวันใด หากมีข้อสรุปออกมาแล้วว่าใครคือสีขาว หรือ สีดำ อาจมีผลกระทบตามมา ด้วยระดับโกลบอลแบรนด์ ต่างๆ จะมี กฎเกณฑ์ compulsory ชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์จะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนในกิจกรรมด้านใดบ้าง”
ภวัต กล่าวทิ้งท้าย
Alternate-X สรุปให้
แม้ข้อตกลงหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชาจะเริ่มคลี่คลาย แต่ในโลกออนไลน์ยังคงเดือดระอุจากสงครามไซเบอร์ระหว่างเน็ตติเซนสองฝั่ง โดยมี “วัณณ์ฎา” (VANNDA) แร็ปเปอร์ชื่อดังชาวกัมพูชาและแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Coke เข้ามาเคลื่อนไหวอย่างหนักผ่านโซเชียลมีเดีย การแสดงจุดยืนของเขาทำให้เน็ตติเซนไทยตอบโต้ด้วยแฮชแท็ก #แบนโค้ก กระตุ้นให้หยุดดื่มโค้กจนกว่าจะเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์ แม้ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าอาจยังไม่กระทบแบรนด์โลกโดยตรง แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงพลังของคนดังที่สามารถขยายความขัดแย้งจากแนวหน้าสู่สมรภูมิการตลาดอย่างคาดไม่ถึง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง