ตลาดเวลเนสไทยโต No.1 โลกแตะ 1.4 ล้านล้านบาท JSP สร้างอีโคซิสเต็มธุรกิจรับอนาคต

Wellness ประเทศไทยโตเป็นอันดับ 1 ของโลก เติบโต 28.4% มูลค่าประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท กลุ่ม JSP  มองโอกาสวางโรดแมป 5 ปี ลุยโปรดักส์ครอบคลุม คน-สัตว์-พืช รับเทรนด์อนาคต Tailor-made medicine-Tailor-made cosmetic

 

 

สิทธิชัย  แดงประเสริฐ   ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP เปิดเผยว่า JSP วางโรดแมประยะยาว 5 ปี เพื่อก้าวขึ้นสู่ผู้นำตลาดสุขภาพแบบครบวงจร ‘Health Innovation Group’ ไปพร้อมขับเคลื่อนบริษัทในเครือแบบบูรณาการ ประกอบด้วย

 

  1. บริษัท เกรซ วอเทอร์ เมด จำกัด (มหาชน) (GWM) ดำเนินธุรกิจธุรกิจโรงงานผลิตน้ำยาล้างไต (A-B Solution) ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาสำหรับผู้ป่วยฟอกไต นำเข้าเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์
  2. บริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (CDIP) ประกอบธุรกิจรับจ้างวิจัยเชิงวิชาการในห้องปฏิบัติการ รับจ้าง ทดสอบและวิเคราะห์ผลทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงจัดงานฝึกอบรมและสัมมนา และส่วนงานให้คำปรึกษาการยื่นขอทุนวิจัยด้านการวิจัยและพัฒนา
  3. บริษัท แคร์ซูติก จำกัด (CST) บริษัทที่ให้บริการด้านอินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ ที่มีทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมถึงรับจ้างผลิต (OEM) ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอาง รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับคน และสำหรับสัตว์ ที่ครอบคลุมทั้งสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เช่น สุนัข และแมว และสัตว์ในการเลี้ยงสำหรับการทำปศุสัตว์ เช่น หมู ไก่ เป็นต้น
  4. บริษัท วารี เมดิคอล จำกัด (WRM) ให้บริการด้านการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบน้ำบริสุทธิ์ (RO)
  5. บริษัท เมดิส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Medis) ผู้ให้บริการตู้จำหน่ายยาอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง

 

ล่าสุด JSP ประสบความสำเร็จในการนำ GWM เข้าตลาด LiVEx ชื่อหุ้น GMW25 ซึ่งการเข้าตลาด LiVEx ก็จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ GWM สามารถเติบโตได้เองในธุรกิจการผลิตน้ำยาฟอกไต AB Solution การนำเข้าเครื่องฟอกไตหรือเครื่องฟอกเลือดมาขายแล้วก็ปล่อยเช่าให้ศูนย์ฟอกไต

 

สำหรับธุรกิจ RO วางเป้าหมายเติบโตอย่างน้อยปีละ 10% จากปัจจุบันบริษัทฯ มีกลุ่มลูกค้าคลินิกฟอกไตราว 150 สาขา และมองเห็นโอกาสเติบโตอีกมาก จากภาพรวมทั้งตลาดมีคลินิกฯทั้งหมดอประมาณ 1,300 คลินิก โดย GWM มีส่วนแบ่งการตลาดของอยู่ที่ประมาณ 10%

 

สร้างระบบนิเวศน์ธุรกิจ

 

สิทธิชัย  เสริมว่า การเติบโตของ GWM ยังมีผลต่อ JSP แบบบูรณาการต่อบริษัทลูกอื่นๆ อาทิ CDIP จะเข้าไปคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยโรคไต เช่น ครีมสำหรับผู้ป่วยโรคไต จากนั้น CDIP จะส่งสูตรไปยัง บริษัทแคร์ซูติก ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องสำอาง

 

นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่เป็นกลุ่มเวลล์เนส Wellness เพื่อสุขภาพ ด้านอาหารเสริมชงดื่ม ซึ่งผลิตที่ แคร์ซูติก หรือที่ JSP ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เพื่อรองรับเทรนด์ในอนาคตที่จะมีผลิตภัณฑ์ Wellness สำหรับผู้ป่วยเฉพาะโรคที่เป็น Tailor-made medicine และ Tailor-made cosmetic มากขึ้น ซึ่งเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจที่จะมาส่งเสริมการเติบโตของทางกลุ่มบริษัทเรา

 

ทั้งนี้จากโรดแมป 5 ปีของ JSP สู่การเติบโตเป็นผู้นำในธุรกิจสุขภาพ (Wellness)  ยังมุ่งพัฒนาเวชภัณฑ์เกี่ยวกับยา อาหารเสริม เครื่องสำอาง สมุนไพร ให้กับทั้งคน สัตว์ และพืช อย่างครบวงจร เริ่มจากกระบวนการต้นน้ำ ด้านวิจัยและพัฒนา ส่วนกลางน้ำ มีโรงงานผลิต และปลายน้ำคือการสร้างแบรนด์และจัดจำหน่าย เช่นการสร้างแบรนด์สุภาพโอสถที่เป็นรู้จักอย่างแพร่หลายในแบรนด์แม่อี๊ดดวงใจ

 

“ปัจจุบันเราประสบความสำเร็จกับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับคนแล้ว อีก 5 ปี เราตั้งเป้าว่า เราจะโดดเด่นในอาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยงเครื่องสำอางสำหรับสัตว์เลี้ยง และอาหารเสริมพืช”

 

 

 

 

สิทธิชัย  กล่าวว่า JSP ให้ความสนใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมพืช จากปัจจัยหลักผู้คนต้องกินพืชผักที่ดีไม่มีสารตกค้าง ซึ่งเป็นประเด็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อธุรกิจ Wellness ที่นำไปสู่การมีสุขภาพดีของผู้คน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มบริษัท

 

พร้อมกล่าวต่อในกลุ่มสินค้าตู้จำหน่ายยา ได้เริ่มพัฒนาพร้อมปรับปรุงให้ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น รวมถึงการนำสินค้าใหม่ใหม่เข้าไปจัดจำหน่ายในตู้ Vending Machine มากขึ้น โดยวางเป้าหมายเติบโต 10% – 20% ได้ภายใน 5 ปี และมองถึงโอกาสการนำบริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในอนาคต

 

ทั้งนี้ จากแผนและเป้าหมายการเติบโตดังกล่าวของ JSP คาดมาจาก 2 ปัจจัยเข้ามาสนับสนุน คือ

 

  1. การเข้าสู่โครงสร้างสังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ
  2. รัฐบาลใหม่มีแผนที่จะยกจุดแข็งด้าน Wellness ของไทยให้เป็นธีมในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติให้มาพักผ่อนในไทย เนื่องจากประเทศไทยมีชื่อเสียงด้านการแพทย์ในระดับโลก

 

โดยสอดคล้องกับข้อมูลจากภาคเอกชนที่พบว่าตลาด Wellness ของประเทศไทยเติบโตเป็นอันดับ 1 ของโลก ระหว่างปี 2565 – 2566 โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 28.4% มูลค่าประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก

 

ทั้งนี้ การนำจุดเด่นด้านนี้มาผนึกกับการท่องเที่ยวของรัฐบาลใหม่ คาดจะส่งผลดีมายังธุรกิจด้านยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพรไทยโดยตรง

 

“แม้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวแต่เรายังมี  Wellness ที่เป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญที่จะนำมาให้เศรษฐกิจโดยรวมเติบโตได้อย่างมหาศาล”

 

เนื่องจากทั้งภาคบริการและการท่องเที่ยวที่ได้ประโยชน์แล้ว ภาคการผลิตยาและอาหารเสริม ก็จะได้ประโยชน์ในวงกว้างทั้งห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ คนแปรรูปได้ประโยชน์ เกษตรกรได้ประโยชน์ รากหญ้าครัวเรือนได้ประโยชน์

 

 

Alternate-X สรุปให้

 

 

ตลาด Wellness ไทย โตแรงสุดในโลก 28.4% มูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท ด้าน JSP ปักโรดแมป 5 ปี สร้างอีโคซิสเต็มครบวงจร ตั้งแต่วิจัย ผลิต ไปจนถึงการจัดจำหน่าย แตกไลน์ธุรกิจจากยา อาหารเสริม เครื่องสำอาง ไปถึง อาหารเสริมสัตว์และพืช หลังดันบริษัทย่อยเข้า LiVEx และเล็งตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคตรับปัจจัยหนุน สังคมผู้สูงวัย + นโยบายรัฐผลักดันไทยเป็นศูนย์กลาง Wellness Tourism

 

บทความล่าสุด

COLLABORATE IDEAS, CREATE SUCCESS


FOLLOW US

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.