‘ศุภาลัย’ เปิดสูตรอสังหาฯ ฝ่าความท้าทายปี68 ใช้ความอดทน รอเวลาเหมาะสม ตัดพื้นที่สำนักงานขายโครงการฯ ทำต้นทุนราคาดีเรียกลูกค้า ฝ่าความท้าทายปี68
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ศุภาลัย วางแนวทางการทำธุรกิจให้กระชับพร้อมติดตามผลดำเนินงานให้รวดเร็วขึ้นเพื่อทันต่อสถาณการณ์ต่างๆ ทั้งกำลังซื้อ เศรษฐกิจในภาพรวม จากแผนเดิมที่วางไว้ในช่วงระยะสั้น กลาง และ ยาว หรือตามแผนระยะ 3-5 ปี ซึ่งแนวทางดังกล่าวไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว
โดยในช่วงที่ผ่านมา 9 เดือนของปี2568 ศุภาลัย ยังมีผลดำเนินการที่แข็งแกร่งพร้อมทยอยเปิดตัวโครงการฯใหม่ของปี2568 ล่าสุดเปิดตัวโครงการฯ ศุภาลัย พรีเมียร์ ตากสิน-วงเวียนใหญ่ (Supalai Premier Taksin-Wongwianyai) มูลค่าโครงการ 2,650 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน หนึ่งในโครงข่ายการเดินทางสำคัญของฝั่งธนบุรีที่มีศักยภาพสูงในเชิงคมนาคม เชื่อมต่อเข้าสู่ย่านเศรษฐกิจ สาทร–สีลม
“โครงการฯใหม่นี้ พัฒนาขึ้นตามอินไซด์ผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ต้องการสินค้าราคาดีสมเหตุสมผลในทำเลดี ซึ่งจากผลสำรวจในตอนนี้ยังพบข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคที่น่าสนใจคือต้องการสินค้าราคาดีที่สุดเพื่อให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินให้อนุมัติได้ง่ายที่สุด”
ไตรเตชะ กล่าวว่าการที่ศุภาลัย สามารถทำสินค้าในราคาดีบนทำเลศักยภาพที่มีความต้องการสูงของกลุ่มลูกค้าได้ มาจากประสบการณ์ในตลาดอสังหาฯ มายาวนานจากการสะสมที่ดินเพื่อรอจังหวะพัฒนาโครงการที่เหมะสม โดยเฉพาะในโครงการฯ นี้ที่ตัดพื้นที่สำนักงานขายออกไป เพื่อให้ได้ต้นทุนการเงินที่ดีขึ้นและมีผลต่อราคาขายโครงการให้กับลูกค้า ทำให้สามารถลงทุนก่อสร้างโครงการฯได้ในช่วงนี้
“ศุภาลัยใช้ความอดทนและรอจังหวะที่เหมาะสมทำให้สามารถพัฒนาโครงการฯบนที่ดินศักยภาพได้ในราคาต้นทุนที่ดี”
นอกจากนี้ ในช่วงตลาดชะลอตัวยังเป็นโอกาสให้บริษัทฯ ตุนซื้อที่ดิน ในราคาเสนอขายที่ถูกลงกว่า 10% โดยที่ผ่านมามีทั้งแลนด์ลอร์ด (เจ้าของที่ดิน) และ ดีเวลลอปเปอร์ เข้ามาเสนอขายที่ดินกับศุภาลัย
โดยเบื้องต้น บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนที่ดินเปล่าไว้ 8,000 ล้านบาท มองทั้งที่ดินทำเลเดิมที่ขายดีอยู่แล้ว เช่น เชียงใหม่ รวมถึงจังหวัดอื่น ๆ ที่ไม่เคยไป ปัจจุบันใช้งบไปแล้ว 4,000 ล้านบาท
“ราคาที่ดินลดลง 10% จากช่วง 2-3 ปีก่อน ด้วยไม่มีคนซื้อที่ดิน เพราะตลาดที่อยู่อาศัยด้อยลง ผู้ประกอบการขอสินเชื่อโครงการยาก และมีปัญหาการออกหุ้นกู้ เขาจึงเอาเงินไปใช้อย่างอื่นแทน เพื่อเอาแคชโฟลว์เข้าดีกว่า”
ไตรเตชะ กล่าวว่า จากภาพรวมตลาดอสังหาฯ ที่ผ่านมาผู้ประกอบการต่างหันมาใช้กลยุทธ์ด้านราคาสูงขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GROSS PROFIT : GP) ของกลุ่มอสังหาเหลือน้อยกว่า 30% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นมา 4 ไตรมาสติดต่อกัน (ไตรมาส 3-4 ปี 2567 – ไตรมาส 1-2 ปี 2568) ขณะที่อัตรา GP ต่ำ 30% ส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit : NP) ก็แทบไม่เหลือแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดอสังหาจะหดตัวแต่ยังมีโอกาสเสมอ ถ้าจับตลาดให้ถูกต้อง ทั้งทำเลและราคาที่เหมาะสม เช่น
- โครงการ ศุภาลัย เอลีท สุขุมวิท 39 ที่ขายหมดไปแล้ว (Sold Out ไป) บนทำเลดังกล่าว หลังจากศุภาลัยเข้าไปจัดหา(Supply)ห้องขนาดใหญ่ 3 ห้องนอน ตามความต้องการ (Demand) สูงแต่ขาดตลาด ในราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งแม้ว่าไม่ได้มีราคาถูก แต่ยังสามารถขายได้
- โครงการ ศุภาลัย พรีเมียร์ ตากสิน-วงเวียนใหญ่ ราคาเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท/ยูนิต เฉลี่ย 77,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งมีราคาถูกกว่าโครงการในทำเลเดียวกันที่มีราคา 90,000-110,000 บาท/ตร.ม. จากการที่ในทำเลนี้มีซัพพลายน้อย และมักมีราคาขายสูงกว่า 3 ล้านบาท/ยูนิต ขณะที่ยังมีดีมานด์จำนวนมากในย่านนี้ ที่ต้องการ คอนโดระดับราคา 2-3 ล้านบาท/ยูนิต
อสังหาฯ โค้งท้ายปี68
ไตรเตชะ กล่าวเสริมว่า ในครึ่งปีหลัง 2568 ศุภาลัยเปิดตัวโครงการเพิ่มอีก 8 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ และแนวราบ 6 โครงการ (เป็นต่างจังหวัด 2 โครงการ) ปัจจุบันมี Backlog ราว 12,600 ล้านบาท ทยอยโอนกรรมสิทธิ์ปีนี้ 7,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเตรียมทยอยโอนในปีถัด ๆ ไป โดยช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯ ทำรายได้ไปแล้ว 11,000 ล้านบาท
ขณะที่ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 ถือเป็นช่วงที่ยากลำบากด้วยไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดปัจจัยลบซ้ำเติมตลาด อาทิ แผ่นดินไหว และภาษีทรัมป์ ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มอสังหามีโอกาสพลาดเป้าได้เช่นกัน ขณะที่การแข่งขันสูงมากในตอนนี้ จากกำลังซื้อคนไทยมีจำกัด จากเรื่องหนี้ครัวเรือน
“ความต้องการเชิงลึกลูกค้าในอดีตต้องการของแถมไปกับโครงการ แต่ตอนนี้ไม่ต้องการของแถมแต่ขอแลกเป็นส่วนลดราคาเพื่อให้สามารถกู้บ้าน/คอนโดได้”
พร้อมประเมินว่าในปี 2568 จะเป็นช่วงที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ ’น้อยกว่า‘ Sold Out โครงการเก่ากว่า 10% โดยคาดการณ์ว่าปีนี้ ตลาดที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ จะมีเพียง 55,000 ยูนิต/ปี จากช่วงสถานการณ์ปกติเปิดตัวราว ๆ 100,000 ยูนิต/ปี และเคยเปิดตัวสูงสุดในปี 2556 ที่ 130,000 ยูนิต/ปี
“ถึงตลาดจะไม่ดีคาดจะไม่เปิดตัวต่ำกว่า 55,000 ยูนิตแล้ว ส่วนในปี 2569 อสังหาฯ มีลุ้นฟื้นตัว กลับมาเปิดโครงการที่ 70,000 ยูนิต/ปี ถ้าเทียบกับปี 2566 ก็ถือว่าเติบโต 60-70%”
สำหรับแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ฯ ใน 3 เดือนสุดท้ายปี 2568 มองว่าตลาดในภาพรวมเริ่มกลับมาราว 90% เทียบกับในช่วงหลังสถานการณ์แผ่นดินไหวเมื่อต้นปีทีผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มกำลังซื้อที่อยู่อาศัยจริงและนักลงทุน
“สถานการณ์อสังหาฯไทย ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสสองปีนี้ที่ผ่านมา”
พร้อมกล่าวต่อว่า ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจภาคอสังหาฯ ไม่ได้คาดหวังมากนักหลังการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้ นายอนุทิน ชาญวีรกถุล นายกรัฐมนตรี ด้วยมีระยะเวลาทำงานช่วงสั้น แต่มองว่าในช่วงเวลาที่มีอย่างจำกัดรัฐบาลอาจจำเป็นต้องเร่งแผนงานที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว (Quick Win) ออกมาให้ได้ก่อน
ล็อคเป้าลูกค้าตัวจริงศุภาลัย
ด้าน ชัยจักร วทัญญู ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ศุภาลัย พรีเมียร์ ตากสิน–วงเวียนใหญ่ เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 38 ชั้น วางผังโครงการเชิงกลยุทธ์โดยอาคารรูปตัว L ช่วยลดความร้อนจากแสงแดดในช่วงบ่าย และเปิดรับลมธรรมชาติเข้าสู่พื้นที่ส่วนกลาง
นอกจากนี้ โครงการฯ ดังกล่าวยังสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้นด้วยให้ของแถมในแต่ละยูนิต โดยเฉพาะการติดตั้ง ‘เครื่องทำน้ำร้อน’ ที่พบว่าเป็นหนึ่งในสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลูกค้าต้องการสูงเป็นอันดับต้นๆ จากการสำรวจ นอกเหนือจากการให้ของแถม เครื่องปรับอากาศ ชุดครัวบิลต์-อิน พร้อมเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน วอลล์เปเปอร์ เครื่องทำน้ำร้อน ฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัย และ ดิจิทัล ดอร์ ล็อค
จากการสำรวจความต้องการเชิงลึกผู้อยู่อาศัยในทำเลโดยรอบโครงการฯ พบว่ายังมีดีมานด์ความต้องการซื้ออยู่อาศัยจริงสูง โดยเฉพาะสินค้าราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งโครงการฯ มียูนิตราคาดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนราว 77% ของโครงการทั้งหมด 830 ยูนิตแบ่งเป็นสำหรับพักอาศัย 828 ยูนิตและร้านค้า 2 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่จอดรถ 55% หรือ 1 ห้องพักจอดรถได้ 1 คัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังใช้กลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และนักลงทุนในโครงการฯของศุภาลัย ด้วยเงื่อนไขการชำระเงินสำหรับลูกค้าที่สนใจโดยจัดโปรแกรมให้จองการทำสัญญา ผ่อน 0% นาน6 เดือน ซึ่งบริษัทฯ ได้นำกลับมาใช้ตั้งแต่ต้นปี 2568 ใน 2 โครงการแรกที่เปิดตัวไปก่อนหน้า คือ ศุภาลัย เอลีท สุขุมวิท 39 (SUPALAI ELITE SUKHUMVIT 39) และศุภาลัย เซนส์ แจ้งวัฒนะ-หลักสี่ ส่วนโครงการ ศุภาลัย พรีเมียร์ ตากสิน-วงเวียนใหญ่ (Supalai Premier Taksin-Wongwianyai) ให้ทำสัญญาพร้อมโปแกรมผ่อน 0% นาน6 เดือน มีอัตราค่าจองตามเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละแบบ (Type) ห้องชุด อาทิ
- 1 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 35 ตร.ม. ราคา 39-3.48 ล้านบาท
จองผ่อน 60,000 บาท ทำสัญญา 6,900 บาท เงินดาวน์ (36 งวด) 6,900 บาท
- 1 ห้องนอนพลัส ขนาดพื้นที่ 5 ตร.ม. ราคา 3.33-4.15 ล้านบาท
จองผ่อน 60,000 บาท ทำสัญญา 8,900 บาท เงินดาวน์ (36 งวด) 8,900 บาท
- 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 0-71.0 ราคา 4.16 – 6.93 ล้านบาท
จองผ่อน120,000 บาท ทำสัญญา 13,900 บาท เงินดาวน์ (36 งวด)13,900 บาท
- 3 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ -129.5 ตร.ม. ราคา 8.54 – 13.30 ล้านบาท
จองผ่อน 300,000 บาท ทำสัญญา 24,900 บาท เงินดาวน์ (36 งวด) 24,900 บาท
- 4 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 190 ตร.ม. ราคา86 ล้านบาท
จองผ่อน 360,000 บาท ทำสัญญา 59,000 บาท เงินดาวน์ (36 งวด) 59,000 บาท
“การนำโปรแกรมให้จองผ่อน0% กลับมาใช้ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าตัวจริงของศุภาลัย ที่มีความต้องการสินค้าจริงที่จะไม่หนีหายไปไหนในอนาคต”
สำหรับโครงการฯ จะเริ่มดำเนินก่อสร้างใน 2-3 เดือนข้างหน้านับจากนี้ หลังได้รับใบอนุญาตด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว พร้อมมองว่าหากมียอดขาย (presale) ราว 70-80% ถือว่าโครงการฯ ประสบความสำเร็จน่าพอใจ
Alternate-X สรุปให้
ศุภาลัย ฝ่าความท้าทายอสังหาฯ ปี 2568 ใช้ประสบการณ์รอจังหวะพัฒนาโครงการในทำเลศักยภาพ เปิดตัว ‘ศุภาลัย พรีเมียร์ ตากสิน-วงเวียนใหญ่’ มูลค่า 2,650 ล้านบาท เจาะทำเลฝั่งธนฯ ตัดพื้นที่สำนักงานขาย ลดต้นทุน สร้างราคาขายที่เข้าถึงง่าย ตรงใจผู้ซื้อจริง เสริมกลยุทธ์โปรแกรมจองผ่อน 0% นาน 6 เดือน ดึงดูดกลุ่มผู้ซื้ออยู่อาศัยจริงและนักลงทุน มองตลาดอสังหาฯ ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว คาดดีมานด์จริงและการฟื้นตัวกำลังซื้อหนุนยอดขาย