ตลาดสเต๊ก ในไทยคาดปัจจุบัน (2568) มีมูลค่าราว ๆ 9,000 ล้านบาท และเป็นหนึ่งในเซ็กเมนต์ที่ที่มีอัตราเติบโตต่อเนื่อง บนตลาดอาหารตะวันตกมูลค่า 24,000 ล้านบาท
ต่อการเติบโตของร้านสเต๊กในไทย ส่วนหนึ่งยังมาจากการขยายตัวทางธุรกิจของแบรนด์ร้านอาหารสเต็กในกลุ่มแมส อย่าง อีท แอม อาร์ (Eat Am Are) ซึ่งมีสาขาครอบคลุมไม่ต่ำกว่า 15 แห่งในปี 2567
ขณะทื่ ‘Eat Am Are’ ยังมาพร้อมกับตำแหน่งทางการตลาดที่น่าสนใจ คือ การเป็นหนึ่งใน Top of Mind แบรนด์ร้านสเต๊กกลุ่มลูกค้าคนเมือง ที่มักนึกถึงในความคุ้มค่า ทั้งด้านราคาที่จับต้องได้ และ คุณภาพความอร่อยของเมนูอาหาร เป็นอันดับต้นๆ
โดย Eat Am Areยังมาพร้อมกลยุทธ์ราคาอาหาร ด้วยเมนูเฟรนช์ฟรายส์ เริ่มต้นราคา 69 บาท และมีราคาสูงสุด 430 บาทสำหรับเมนูบีฟลอยน์ ด้วยรสชาติที่นักชิมในฐานะผู้บริโภคต่างบอกว่า ทดแทนและสู้เชนแบรนด์ใหญ่ ได้สบายมาก
สำหรับแบรนด์ Eat Am Are ข้อมูลจาก dataforthai ระบุธุรกิจก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2557 มีผลดำเนินงานทั้งรายได้ และกำไรเติบโตตลอด 5 ปีผ่านมา
- ปี 2563 รายได้ 226,901,795.58 บาท
กำไร 1,909,138.04 บาท คิดเป็น 0.84% ของรายได้
- ปี 2564 รายได้ 270,775,451.27 บาท
กำไร 2,212,520.43 บาท คิดเป็น 0.82% ของรายได้
- ปี 2565 รายได้ 494,543,223.88 บาท
กำไร 4,222,269.21 บาท คิดเป็น 0.85% ของรายได้
- ปี 2566 รายได้ 772,056,953.99 บาท
กำไร 4,151,805.64 บาท คิดเป็น 0.54% ของรายได้
- ปี 2567 รายได้ 1,269,253,82 บาท
กำไร 15,117,031.71 บาท คิดเป็น 1.19% ของรายได้
เจ้าใหญ่ แตกแบรนด์ใหม่แข่งในตลาด
เห็นอัตราการเติบโตที่แข็งแรงทั้งยอดขายและกำไรแบบนี้ แน่นอนว่าส่งแรงสั่นสะเทือนให้กับพี่ใหญ่ที่อยู่ในตลาดมาก่อนหน้าได้ไม่น้อยเช่นกัน!!
อย่างแบรนด์ ซิซซ์เล่อร์ (Sizzler) ที่อยู่ในไทยถึงปัจจุบันมากกว่า 30 ปี และมีมากกว่า 65-75 สาขาทั่วประเทศในตอนนี้ กับบทบาททางการตลาด ร้านอาหารตะวันตกกลุ่มสเต็กระดับพรีเมียม
โดยร้านซิซซ์เล่อร์ มีจุดเด่นเมนู ‘สลัด บาร์’ วิเศษที่ลูกค้ามาตักเท่าไหร่ก็ไม่หมด ด้วยพนักงานแต่ละสาขา ต่างขยันเติมวัตถุดิบให้แบบไม่หวงของ!! รวมถึง ‘ชีสโทสต์’ (Cheese Toast) อีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน ที่เสิร์ฟมาให้ทานคู่กับสตาร์ทเตอร์ เรียกน้ำย่อยก่อนถึง เมน คอร์ส
ส่วนราคาเมนูอาหารของร้านซิซซ์เล่อร์ ก็มีหลากหลายตามเมนูทั้งราคาปกติ และราคาสมาชิก (Member Card) รวมถึงโปรโมชั่นในแต่ละช่วง เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าทั้งรายเดิมและกลุ่มใหม่ให้เข้ามาร่วมสัมผัสบรรยากาศในร้านให้ได้มากที่สุด
ขณะที่ร้านซิซซ์เล่อร์ บริหารโดยบริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์) ภายใต้ บริษัทเดอะไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด โดยในช่วง 5 ปีย้อนหลัง กิจการมีผลดำเนินงาน ดังนี้
ผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี (ข้อมูลล่าสุด ปี 2566)
- ปี 2562 รายได้ 2,690,866,403 บาท
กำไร 124,193,357 บาท คิดเป็น 4.62% ของรายได้
- ปี 2563 รายได้ 1,757,225,056 บาท
ขาดทุน 53,059,184 บาท คิดเป็น -3.02% ของรายได้
- ปี 2564 รายได้ 1,455,674,167 บาท
ขาดทุน 38,892,731 บาท คิดเป็น -2.67% ของรายได้
- ปี 2565 รายได้ 2,359,360,783 บาท
กำไร 95,022,339 บาท คิดเป็น 4.03% ของรายได้
- ปี 2566 รายได้ 2,461,853,291 บาท
กำไร 98,621,088 บาท คิดเป็น 4.01% ของรายได้
จากตัวเลขดังกล่าว เห็นได้ว่า ซิซซ์เล่อร์ เริ่มพลิกกลับมามีกำไรในช่วงปี 2565-256 ที่ผ่านมา ส่วนในปี 2567 ซิซซ์เล่อร์ มีรายงานรายได้อยู่ที่ 3,617 ล้านบาท และมีกำไร 198 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนหน้า
และเพื่อรักษาทรงของพี่ใหญ่ในตลาดร้านอาหารสเต๊กมูลค่า 9,000 ล้านบาท ทำให้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เครือไมเนอร์ ฟู้ด ตัดสินใจขยายธุรกิจร้านอาหารกลุ่มสเต๊กภายใต้แบรนด์ใหม่ ‘เดอะสเต๊กแอนด์มอร์’ (The Steak & More) เปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัล เวสต์เกต พร้อมแผนใน 3 ปีนับจากนี้ จะมีไม่ต่ำกว่า 70 สาขา
ที่สำคัญ ‘เดอะสเต๊กแอนด์มอร์’ จะยังเป็นหนึ่งในสองแบรนด์สร้างสัญชาติไทยของกลุ่มไมเนอร์ ฟู้ด ที่จะพาแบรนด์นี้ส่งออกเพื่อทำตลาดร้านสเต๊กในต่างประเทศ ภายในปีนี้ด้วย
สำหรับกลยุทธ์ราคาของ‘เดอะสเต๊กแอนด์มอร์’ จะเริ่มต้นที่เมนูซูป ราคา 69 บาทและราสูงสุดในกลุ่มอาหารจานร้อน อยู่ที่ 399 บาท
ด้วยวางให้แบรนด์นี้ เข้าไปแข่งขันในตลาดแมส โดยถูกกำกับในคอนเซปต์ ‘สเต๊กสำหรับทุกคน’ นั่นเอง!!
ก่อนจะตัดภาพมาที่ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในวงการร้านสเต็ก ระลอกล่าสุด เมื่อร้านซานตาเฟ่ สเต๊ก (Santa Fe Steak) ได้รีแบรนดิงจากโฉมเดิมที่ใช้โลโก้ หัวรถจักรที่มากว่า 20 ปีสู่สัญลักษณ์ใหม่ แต่ยังใช้ สีส้ม ไอโคนิก (Iconic Orange) ของซานตาเฟ่ ในชื่อ Santa Fe Happy Steak พร้อมเรียกแขกผ่านเพจ เพจเฟซบุ๊ก Santa Fe ด้วยการออกโปรโมชั่น 8 บาท 8 วัน ไปเมื่อวันที่ 18 ส.ค. นี้
ขอบคุณภาพจาก เพจ fb: Santa Fe’ Steak
การรีแบรนด์ครั้งนี้ ถือเป็นภาคต่อจากเมื่อวันศุกร์ ที่15 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังเพจเฟซบุ๊ก Santa Fe โพสต์อำลาพร้อมแท็กแบรนด์เพื่อน ๆ ในวงการ (สเต๊ก) เดียวกันว่าเดี๋ยวกลับมาใหม่ ขณะที่ชาวโซเชียล ที่รู้ทันต่างพากันคอมเมนต์ว่า สงสัยเตรียมรีแบรนด์ แน่ๆ เช่นกัน
สำหรับร้านสเต๊กซานตาเฟ่ หรือในชื่อใหม่ Santa Fe Happy Steak ดำเนินการโดย บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (บุญรอดบริวเวอรี่) โดยบริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ ได้เข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด ผู้ดำเนินงานร้านซานตาเฟ่ ในปี 2562
ขณะที่ปัจจุบัน ธุรกิจฯ อยู่ภายใต้บริษัท เอฟเอบี ฟู้ดโฮดิ้ง จำกัด หรือ ‘FAB’ ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของ FOOD FACTORS หรือบริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด หนึ่งในธุรกิจของกลุ่มบุญรอดฯ, AQUA บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ เบียร์ ใบหยก ซึ่งมี เบียร์-ปิยะเลิศ ใบหยก นั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO
ต่อการรีแบรนด์ Santa Fe Happy Steak ครั้งนี้ ‘เบียร์ ใบหยก’ ได้โพสต์วิดีโออธิบายที่มาชื่อ Santa Fe Happy Steak เพราะต้องการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มโดยเฉพาะคนในกลุ่ม Gen Z ด้วยลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับความรู้สึก ไม่ใช่แค่ฟังก์ชัน หรือความอร่อยของอาหารเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ คลิปวิดีโอ มาร์เก็ตติ้ง ในช่อง TikTok ยังตึงสุดๆ ด้วยความสร้างสรรค์ของคอนเทนต์ ด้วยบทสนทนาระหว่างเบียร์ ใบหยก และทีมงาน มาบอกเล่าที่มาชื่อหลังปรึกษาผู้เชี่ยชาญ อย่างแชทจีพีที และ หมอดู พร้อมกับเปิดได้ไพ่ เดอะซัน ที่หมายถึงความสุข เพื่อสื่อสารให้ตรงใจในกลุ่มเป้าหมายอย่างเจนเนอเรชั่น Z ที่พร้อมหาประสบการณ์ใหม่ในทุกมื้ออาหารที่สร้างความแตกต่างไปจากเดิม พร้อมกับโปรเลขมงคล 8 บาท 8 วัน มาสร้างไวรัลในสื่อโซเชียลที่พาไปสู่คอนเวอร์ชัน ได้จริง!!
ขอบคุณภาพจาก เพจ fb: Santa Fe’ Steak
Alternate-X สรุปให้
ตลาดร้านสเต็กในไทย ปี 2568 มูลค่าแตะ 9,000 ล้านบาท แข่งขันดุเดือดทั้ง Eat Am Are, Sizzler และแบรนด์ใหม่ The Steak & More ท่ามกลางศึกนี้ Santa Fe รีแบรนด์ครั้งใหญ่เป็น Santa Fe Happy Steak ใช้โทนสีสดใส พร้อมกลยุทธ์เข้าถึง Gen Z โดย FAB Food Holding ภายใต้การนำของ ‘เบียร์ ใบหยก’ เข้ามาขับเคลื่อนการรีแบรนด์ครั้งนี้ ต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาอาหารคุ้มค่าและประสบการณ์ที่แตกต่าง ทำให้ตลาดสเต็กจึงกลายเป็นสมรภูมิสำคัญ ที่แบรนด์เก่าต้องปรับตัว และแบรนด์ใหม่พยายามสร้างพื้นที่ของตัวเอง