‘ชาบูชิ’ กับแผนการตลาด ‘Segmentation Marketing’ มาคุยกับลูกค้ารุ่นใหม่แบบเฉพาะกลุ่ม แต่ยังไม่ลืมดีเอ็นเอของแบรนด์เพื่อให้คนรุ่นเก่ารู้สึกคุ้นเคย พร้อมสร้างประสบการณ์ดึงคนรุ่นใหม่ให้อยากเข้ามา ด้วยกลยุทธ์ราคาบุฟเฟต์ 259+บาท ชิงกำลังซื้อผู้บริโภคที่เน้นความคุ้มค่าใน 72 สาขาไฮเปอร์มาร์เก็ต ด้วย
‘ชาบูชิ’ (Shabushi) แบรนด์ร้านอาหารแนวหม้อไฟสไตล์ญี่ปุ่นที่เข้ามาแนะนำตัวให้คนไทยได้รู้จักในยุคแรกๆ ที่ปัจจุบันมีอายุร่วม 24 ปี แล้ว ต่อการเดินทางของ ‘ชาบูชิ’ ในวันนี้ ต้องยอมรับว่าอยู่บนการแข่งขันในน่านน้ำเดือดจัดที่อาจต้องรวมอยู่ในตลาดบุฟเฟต์หม้อไฟมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท ที่มีผู้เล่นทั้งหน้าใหม่และรายเดิมเข้ามาชิงส่วนแบ่ง (กระเพาะ) ของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน จากภาพรวมตลาดร้านอาหารกว่า 7 แสนล้านบาทในไทย
ขณะที่ ‘ศสัย ตังเดชะหิรัญ’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ โฮลดิ้ง จำกัด ได้ออกมารีเฟรชแบรนด์ ‘ชาบูชิ’ ครั้งใหญ่ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาแบบยกเครื่อง สู่การเป็นแบรนด์ที่พูดกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง
โดย ‘ชาบูชิ’ กลับมาทบทวนตำแหน่งทางการตลาดพร้อมย้ำจุดขายด้าน ‘ความครบ’ ไลน์อาหารที่มีทั้งเมนูซูชิ อาหารว่างเครื่องเคียงแนวญี่ปุ่น ที่มาพร้อมกับเมนูร้อนชาบู หม้อไฟ ให้เลือกวัตถุดิบบนสายพานในร้านเดียวกัน ด้วยจุดขายแตกต่างไปจากตลาดหม้อไฟ หรือแนวสุกี้ ที่แข่งขันสูงด้านความคุ้มด้วยกลยุทธ์ราคา ‘บุฟเฟต์’ ในตอนนี้
อ่านบทความอื่น ที่เกี่ยวข้อง
- ‘ชาบูชิ’ ทวงแชมป์ ‘Top of Mind’ คนรุ่นใหม่ ทุ่มหมดหน้าตักเจาะตลาดฟู้ด 7 แสนล.
- จะดึงเจนใหม่กลับมาซ้ำ ต้องสร้างประสบการณ์ให้ว้าว ‘ชาบูชิ’ โฉมใหม่นำร่อง ‘ซีคอนฯ ศรีนครินทร์’
ล่าสุด ชาบูชิ เลือกใช้ กลยุทธ์การแบ่งกลุ่มทางการตลาด (Segmentation Marketing) เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าให้ตรงใจ และเป็นทางเลือกให้ได้มากที่สุด ภายใต้แนวคิด ‘Good Taste Great Time Never End’ หรือ “รสชาติความสุขไม่สิ้นสุด” ที่ประกาศไว้เมื่อก่อนหน้านี้
สำหรับ ‘Segmentation Marketing’ ของ ‘ชาบูชิ’ ในครั้งนี้ มีความน่าสนใจอยู่ที่ แบรนด์เลือกทำความเข้าใจความแตกต่างด้านพฤติกรรมและทำเล (Location-Based Behavior) ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อออกแบบประสบการณ์ที่เหมาะสมและตรงใจ
โดยแต่ละเซกเมนต์ได้รับการพัฒนาให้มีจุดขายและเอกลักษณ์เฉพาะตัว แบ่งเป็นสองกลุ่มหลัก ได้แก่
1.สาขาใน ‘ห้างสรรพสินค้า’ (Department Store)
สำหรับ ‘ชาบูชิ’ สาขาในห้างสรรพสินค้า หากแกะบุคลิกออกมาดูแล้วจะมีความเป็นไลฟ์สไตล์ควบคู่ประสบการณ์ ทำให้สาขาร้านในห้างฯ ถูกออกแบบให้รองรับความต้องการผู้บริโภคมองหาประสบการณ์เชิงไลฟ์สไตล์
โดยในช่วงที่มา ‘ชาบูชิ’ ได้พัฒนาและเปิดตัว ‘ร้านดีไซน์ใหม่’ เพื่อยกระดับประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นในทุกมิติทั้ง อาหาร บริการ และบรรยากาศ พร้อมเสนอจุดเด่น ‘Sushi-Master Station’ ครัวเปิดที่ให้ลูกค้าได้ชมทุกขั้นตอนของการสร้างสรรค์ซูชิอย่างสดใหม่ คำต่อคำ พร้อมจัดเสิร์ฟอย่างพิถีพิถัน ให้กับลูกค้า
พร้อมลยุทธ์ราคาบุฟเฟต์ มาตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละกลุ่ม แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ
- Regular Buffet” (สุขอิ่ม) ราคา 399 บาท+/คน
- Premium Buffet (สุขคุ้ม) 499 บาท+/คน
- Platinum Buffet” (สุขล้น) 599 บาท+/ท่าน
ปัจจุบัน ร้านดีไซน์ใหม่เปิดให้บริการแล้วในหลายแห่ง อาทิ ประกอบด้วย
- ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ชั้น G ซึ่งเป็นสาขานำร่อง
- เซ็นทรัล ขอนแก่น
- มาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน
- เกตเวย์ เอกมัย
- เซ็นทรัล พัทยา
- เซ็นทรัล ศาลายา
- เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า
- เซ็นทรัล นครศรีธรรมราช
- จังซีลอน ภูเก็ต
พร้อมแผนเปิดสาขาใหม่ เซ็นทรัล กระบี่ ในเร็วๆนี้ รวมถึงอยู่ระหว่างการขยายการปรับโฉมร้านดีไซน์ใหม่ในสาขาหลักทั่วประเทศ โดยเน้นศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เพื่อสร้างภาพจำแบรนด์ใหม่ให้ชัดเจนและทันสมัยในระดับประเทศ
2.สาขาใน ‘ไฮเปอร์มาร์เก็ต’ (Hypermarket)
ขณะที่ ชาบูชิ สาขาใน ‘ไฮเปอร์มาร์เก็ต’ ถูกตีโจทย์ให้รองรับด้านความคุ้มค่าและความสะดวกสะบาย ของกลุ่มผู้บริโภค ทำให้ ‘ชาบูชิ’ ได้ออกแบบกลยุทธ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในด้านราคาและความยืดหยุ่นในการเลือกบริโภค
โดยเปิดตัวบุฟเฟต์ใหม่ ‘ซูเปอร์คุ้ม’ 259 บาท+ (บุฟเฟต์หมูหมู) ให้ความคุ้มด้วยเมนูชาบู – ชาบู เนื้อหมู เนื้อไก่ ลูกชิ้น และผักสด มาครบเมนูอาหารรับประทานเล่น พร้อมผลไม้ ไอศกรีม และเครื่องดื่ม รวมแล้วกว่า 50 เมนู
นอกจากนี้ ยังเพิ่มทางเลือกอัปเกรดด้วย ‘คุ้มพลัส’ 39 บาท+ ด้วย 9 เมนูฮิต ทั้งกุ้งสด เนื้อฮารามิ เนื้อสไลซ์ และซีฟู้ดหลากชนิด ให้กับลูกค้าได้ตามความต้องการ
อย่างไรก็ตาม ชาบูชิ ยังคงบริการบุฟเฟต์ ‘สุขอิ่ม’ 399 บาท+ สำหรับลูกค้าประจำที่ต้องการประสบการณ์เต็มรูปแบบ ทั้งชาบู – ชาบู ซูชิ และเมนูอาหารรับประทานเล่น เช่น กุ้งเทมปุระ ตลอดจนผลไม้ ไอศกรีม และเครื่องดื่ม รวมกว่า 70 รายการ
ขณะที่ ปัจจุบัน ชาบูชิ เปิดให้บริการกว่า 72 สาขาทั่วประเทศในไฮเปอร์มาร์เก็ต ครอบคลุมทำเลหลัก เช่น บิ๊กซี, โลตัส, และคอมมูนิตี้มอลล์ต่าง ๆ (ดูสาขาที่ร่วมรายการ คลิก https://oishifood.com/page/shabushi-buffet259) ตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568 เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและสร้างความคึกคักให้ตลาดร้านอาหารช่วงปลายปี
แนวทางดังกล่าว สะท้อนการปรับตัวของแบรนด์ชาบูชิ ในฐานะแบรนด์รุ่นใหญ่ที่อยู่ในตลาดมากว่า 2 ทศวรรษ ให้เข้าถึงความเข้าใจลูกค้าเชิงลึกที่แบรนด์ใช้มาขับเคลื่อนการทำตลาดผ่านกลยุทธ์ Segmentation Marketing บนทำเลสาขาที่มองแล้วว่าจะได้การตอบรับสูงท่ามกลางการแข่งขันด้านความคุ้มค่าในตลาดร้านอาหารหม้อไฟ 2.5 หมื่นล้านบาทสุดเดือด ในเวลานี้
Alternate-X สรุปให้
‘ชาบูชิ’ แบรนด์หม้อไฟญี่ปุ่น ธุรกิจร้านอาหารในเครือโออิชิ ใช้กลยุทธ์ Segmentation Marketing แบ่งตลาดตามทำเลและพฤติกรรมลูกค้าอย่างชัดเจน สาขาในห้างฯ ถูกยกระดับให้เป็นประสบการณ์พรีเมียมด้วยร้านดีไซน์ใหม่และ “Sushi-Master Station” ส่วนสาขาในไฮเปอร์มาร์เก็ตเน้นความคุ้มค่า เปิดบุฟเฟต์ “ซูเปอร์คุ้ม 259 บาท” เจาะกลุ่มลูกค้าเน้นความคุ้มค่า ด้วยกลยุทธ์ใหม่นี้ช่วยให้ชาบูชิกลับมาครองใจคนรุ่นใหม่ พร้อมขยายภาพลักษณ์แบรนด์ให้สดทันยุค และตอกย้ำ Top of Mind Brand ในตลาดบุฟเฟต์หม้อไฟกว่า 25,000 ล้านบาท