น้ำปลาพิไชย เจ้าของแบรนด์น้ำปลาแท้หอยนางรม เครื่องปรุงรสที่อยู่คู่ครัวไทยมานานร่วม 88 ปี กับการกลับมาทวงแชมป์ ‘ท็อปโฟร์’ หนึ่งในสี่แบรนด์แรกเจ้าตลาดน้ำปลาในไทยกว่าหมื่นล้านบาท พร้อมพาธุรกิจไปสู่ยอดขายพันล้านบาทในปี 2570
พันธ์ชนะ รัตนประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำปลาพิไชย จำกัด ผู้ผลิตน้ำปลาพิไชย กล่าวว่าในฐานะผู้บริหารธุรกิจรุ่น 3 ซึ่งเข้าสู่ยุคการใช้นวัตกรรมผลิตภัณฑ์มาทำตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ต่อยอดจากในยุคแรกรุ่นคุณปู่และคุณพ่อ ซึ่งเป็นช่วงการก่อตั้งและวางรากฐานกิจการ จากการนำใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรทันสมัย มาใช้เป็นจุดเด่นในการผลิตสินค้า เพื่อแข่งขันในตลาดยุคนั้น
“ในช่วงยี่สิบปีก่อนน้ำปลาพิชัย ซึ่งมีสินค้าในพอร์ตอย่างแบรนด์น้ำปลาแท้ตราหอยนางรม เป็นผู้เล่นหลักและติดอันดับหนึ่งในสี่ของเจ้าตลาดมาโดยตลอด และได้หยุดพักการทำตลาดไปช่วงหนึ่งทำให้แบรนด์ตกไปอยู่อันดับที่ 5 ในตลาด”
จากสถานการรณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทฯ ต้องหันกลับมาโฟกัสการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในแบบที่เรียกว่ายกเครื่องใหม่เกือบหมดทั้ง การออกนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้ตรงกับความต้องการของตลาดทั้งในกลุ่มผู้บริโภคค้าปลีก , กลุ่มธุรกิจต่อธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหาร ไปจนถึงการทำโปรโมชั่นและกิจกรรมการการตลาดเพื่อสื่อสารแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ทั้งในช่องทางออนไลน์ และ ออนกราวนด์ ให้ครอบคลุม
เมื่อคนรุ่นใหม่ไม่กินน้ำปลา
ต่อการกลับมาทำตลาดเชิงรุกในรอบนี้ของน้ำปลาพิไชยในครั้งนี้ ยังเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจนเนอเรชั่นซี (Z Generation) ให้ได้มากขึ้น
หลังพบผลสำรวจน่าสนใจที่ส่งแรงกระเพื่อมในตลาดน้ำปลาครั้งใหญ่ ข้อมูลระบุคนรุ่นใหม่เจนฯซีไม่นิยมกินน้ำปลา ด้วยเหตุผลเป็นซอสปรุงรสที่มีกลิ่น และ มีความเค็ม!!
จาก Pain Point ดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในโจทย์ใหญ่ที่ทำให้บริษัทฯ มุ่งให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่องภายใต้การบริหารของ ‘พันธ์ชนะ’
ล่าสุด บริษัทฯ เปิดตัวสินค้านวัตกรรมน้ำปลาผง ภายใต้แบรนด์น้ำปลาแท้หอยนางรม พร้อมวางแผนทำตลาดค้าปลีกในกลุ่มผู้บริโภค อย่างเป็นทางการราวปลายปี2568 หรือในต้นปี2569
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดราคาขายปลีกสินค้าให้ชัดเจนก่อน ด้วยจะเป็นสินค้าน้ำปลาผงในรูปแบบบรรจุ 10 ซองในแพ็คเกจหนึ่งกล่อง เพื่อเพิ่มความสะดวกในการนำไปปรุงรสอาหาร รองรับกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย อยู่อาศัยในคอนโด หรือ ต้องการพกติดกระเป๋าเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ทั้งในและต่างประเทศ
“ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ทำตลาดน้ำปลาผงพร้อมจัดส่งให้ในอุตสาหกรรมอาหาร ฟู้ดเซอร์วิส ต่างๆ อาทิ โรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โรงงานผลิตอาหารต่างๆ ด้วยเป็นวัตถุดิบเครื่องปรุงให้รสชาติอูมามิ มีความกลมกล่อมเมื่อนำไปทำอาหารคาวแบบแห้งได้อย่างดี”
พันธ์ชนะ กล่าวพร้อมเสริมว่า
“น้ำปลาผงดังกล่าว จะยังตอบโจทย์ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ ที่ลดทั้งกลิ่นและความเค็ม ด้วยใช้วัตถุดิบดิบหลักในการผลิตเดียวกับน้ำปลาแท้หอยนางรม ไลท์ สูตรลดโซเดียม 30% อีกหนึ่งสินค้านวัตกรรมของบริษัทฯ ที่ได้การตอบรับดีในตลาด”
พันธ์ชนะ บอกว่า ในช่วงที่ผ่านมายอดขายหลักน้ำปลาผง มาจากกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศ ธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) 20% และ บริการธุรกิจอาหาร (Food Service) 80% ซึ่งอย่างหลังบริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาร่วมเป็นพันธมิตรนำผลิตภัณฑ์เข้าไปนำเสนอให้กับ 2 ผู้ให้บริการอาหารรายใหญ่ของไทย ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป และ กลุ่มไทยเบฟ ฟู้ด รวมถึงการทำตลาดส่งออกไปต่างประเทศเพิ่ม
กลยุทธ์ออกสินค้าใหม่เพิ่มยอดขาย
นอกจากนี้ น้ำปลาพิไชย ยังเตรียมแผนพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดภายใต้แบรนด์น้ำปลาแท้หอยนางรมอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2569 จะมีอีกราว 2-3 สินค้ารายการใหม่
โดยนอกจากจะมีสินค้าพระเอกน้ำปลาผง แล้ว บริษัทฯ ยังขยายไลน์สินค้าใหม่ในกลุ่มกะปิ ออกมาเป็นครั้งแรก ด้วยเช่นกัน รวมถึงสินค้าน้ำจิ้มซีฟู้ด ภายใต้แบรนด์น้ำปลาแท้หอยนางรม ออกมาทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น นอกเหนือจากก่อนหน้าที่สินค้าพริกน้ำปลาบรรจุซองแบรนด์น้ำปลาแท้หอยนางรม พัฒนาเพื่อทำตลาดเป็นรายแรกและได้การตอบรับอย่างสูงในตลาดกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร (Food Service) และในช่องทางร้านค้าปลีกสะดวกซื้อ ที่จำหน่ายอาหารพร้อมทานแช่แข็ง
“น้ำจิ้มซีฟู้ด จะเป็นพระเอกใหม่ในวงการอาหารโลก ที่ต่อจากน้ำจิ้มไก่”
พันธ์ชนะ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสินค้าในพอร์ตทั้งหมดเกือบ 100 รายการ (SKUs) แบ่งออกเป็นกลุ่มสินค้าราว 10 ชนิด อาทิ น้ำปลากลุ่มพรีเมียม เซ็กเมนต์ น้ำปลาไลท์ (ลดโซเดียม), น้ำปลาซีเลคเต็ด (อเนกประสงค์ รสกลมกล่อม), น้ำจิ้มซีฟู้ด, กะปิพรีเมียม, ซอสกระเพรา, ซอสต้มยำ และผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสอื่น ๆ
สำหรับการกำหนดราคาสินค้ากลุ่มน้ำปลาพิไชยในการทำตลาด อาทิ น้ำปลาแท้ตราหอยนางรมขวดแดง วางราคาอยู่ที่ 30++ บาท ขนาดบรรจุขวด 700 มล. น้ำปลาแท้ตราหอยนางรมสีทอง วางราคา 43 บาท ขนาดบรรจุขวด 700 มล. น้ำปลาแท้ตราหอยนางรม ไลท์ และ ซีเล็คเต็ด วางราคา 59 บาท ขนาดบรรจุ 300 มล.
พันธ์ชนะ เสริมว่าสินค้าน้ำปลา จัดเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ต้นทุนสูงตลอดทั้งกระบวนการผลิต โดยเฉพาะค่าแรงที่ปรับขึ้นทุกปี คิดเป็นสัดส่วนราว3% ของต้นทุน ส่วนราคาปลาที่นำมาใช้หมักทำน้ำปลานั้นก็มีราคาปรับขึ้นทุกปีเช่นกัน ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 15 บาทต่อกิโลกรัม
พร้อมเสริมว่า
“ในอุตสาหกรรมน้ำปลา คุณพ่อมักพูดเสมอว่าน้ำปลาเป็นสินค้าที่ถูกที่สุดในโลกแล้ว ที่เริ่มต้นจากซื้อปลามาหมักใช้เวลา12-18 เดือน นำออกไปขายในราคา 20-30 บาท ซึ่งผู้บริโภคจะใช้ขวดหนึ่งราวๆ 1 เดือน”
ดังนั้นการจะขึ้นราคาสินค้าจึงยังไม่ใช่คำตอบของการทำตลาด แต่การพัฒนาสินค้าให้มีนวัตกรรมมาเพิ่มมูลค่าพร้อมนำเสนอราคาใหม่ มาเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน จะตอบโจทย์ทั้งธุรกิจและการแข่งขันในตลาด ได้มากกว่า
“ท่ามกลางต้นทุนและสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ การจะแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่งมาให้ได้แค่ 0.5% เป็นสิ่งที่ยากมากๆ แต่บริษัทฯ ยังไม่มีแผนปรับราคาสินค้าแต่อย่างใด แต่ะมุ่งไปจัดกิจกรรมทางการตลาดเชิงรุกมากขึ้น”
พันธ์ชนะ กล่าว
จากแผนธุรกิจดังกล่าว บริษัทฯ ยังได้วางแผนใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 30-40 ล้านบาท ขยายกำลังผลิตและลงทุนบ่อหมักปลาเพิ่มอีก 5,000 บ่อ พร้อมขยายเพิ่มอีก 20 เครื่องจักรใหม่ เพื่อทำตลาดน้ำปลาเชิงรุก นับจากนี้ไป
2 ปีหน้าสู่ยอดขายพันล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในโอกาสฉลองครบรอบ 88ปี ในปี2568 บริษัทฯ ยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดแคมเปญ ‘ลดยกแบรนด์’ ในราคาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งในช่องทางโมเดิร์นเทรด และทราดิชันแนลเทรด ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ซึ่งมีส่วนทำให้ยอดขายในประเทศเติบโตกว่า 22% พร้อมเตรียมจัดแคมเปญฯ ดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในครึ่งหลังของปีนี้ ในทุกช่องทางเช่นเดียวกับครึ่งปีแรก
จากแนวทางดังกล่าว บริษัทวางเป้าหมายสู่การเป็นหนึ่งในสี่ (Top4) ผู้นำตลาดน้ำปลา และมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ในปี 2570 โดยในปี 2568 คาดมีรายได้ราว 680 ล้านบาท จากในปี 2567 อยู่ที่ 600 ล้านบาท
โดยวางสัดส่วนรายได้ 70% จากตลาดในประเทศ และ 30% จากการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศเป้าหมาย ได้แก่
- อินโดนีเซีย
- แคนาดา
- ยุโรป
- ญี่ปุ่น
- ซาอุดีอาระเบีย
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ในประเทศอยู่ที่ 60% และส่งออกต่างประเทศอยู่ที่ 40%
ตลาดน้ำปลา โค้งท้ายปี68
พันธ์ชนะ กล่าวถึงแผนธุรกิจครึ่งหลังปี 2568 บริษัทฯ ยังใช้กลยุทธ์ใหม่มุ่งสร้างประสบการณ์แบรนด์ครบวงจร และเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะน้ำปลาเพื่อสุขภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า(Value added)และยอดขายในประเทศทำให้ในครึ่งแรกของปี 2568 เติบโตได้กว่า 22% ส่วนตลาดอุตสาหกรรมน้ำปลาในประเทศเติบโตเพียง 5%
โดยยอดขายเติบโตในช่องทางโมเดิร์นเทรด มากกว่า 27% เนื่องจากได้ขยายช่องทางการขายให้ครอบคลุมมากขึ้น ส่วนยอดขายช่องทางออนไลน์ ทั้งใน TikTok, Shopee ,Lazada และ facebook ยอดขายโตก้าวกระโดดขยายตัวกว่า 30% ส่วนช่องทางมทราดิชันแนลเทรด ยังคงที่แต่มีแนวโน้มการเติบโตมากขึ้น
นอกจากนี้ ยอดขายของบริษัท ยังเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ พรีเมียม เศ็กเมนต์ (Premium Segment) มียอดขายเติบโตมากที่สุด 30% ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ สแตนดาร์ด เซ็กเมนต์ (Standard Segment) เติบโต 14% และกลุ่มผลิตภัณฑ์อีโคโนมี เซ็กเมนต์ (Economy Segment) ยังเป็นกลุ่มที่มีขนาดเล็กอยู่ แต่เติบโตมากกว่า 160%
สำหรับการส่งออกไปต่างประเทศช่วงครั้งปีแรกนั้นยอดขายค่อนข้างคงที่ เนื่องจากได้รับผลกระทบ ช่วงสหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีนำเข้าอัตราใหม่ จึงทำให้ลูกค้าต่างประเทศชะลอดูความชัดเจน แต่ปัจจุบันได้ดำเนินการสั่งซื้อเป็นปกติแล้ว
คนไทยกินน้ำปลาเฉลี่ย 5.6 ลิตรต่อปี
พันธ์ชนะ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ยังมองเห็นโอกาสทางทางธุรกิจในอุตสาหกรรมตลาดน้ำปลาในไทย ที่ปัจจุบันคาดมีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท และยังแข่งขันสูงมาก โดยในครึ่งแรกของปี2568 มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 5%เทียบกับครึ่งแรกของปี2567 ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ลดลง สาเหตุหลักมาจากกลุ่มซอสและเครื่องปรุงอาหารที่เข้ามาแข่งขันและมีการบริโภคอยู่ในระดับสูง โดยการเติบโตหลักมาจาก
- ช่องทางห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) เติบโต 11% และมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น
- ช่องทางห้างค้าปลีกเดิม (Traditional Trade) เติบโตลดลง 3%
“จากภาพรวมและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนี้ยังพบว่าตลาดน้ำปลาต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากที่เคยเติบโต7%”
พันธ์ชนะ กล่าว
สำหรับพฤติกรรมการบริโภค พบว่า ประชากรไทยมีอัตราการบริโภคน้ำปลาสูง โดยเฉลี่ยบริโภคน้ำปลา ประมาณ 15 มิลลิลิตรต่อคนต่อวัน หรือคิดเป็น 5–6 ลิตรต่อคนต่อปี มีผู้เล่นในตลาดน้ำปลา 5 แบรนด์หลักอันดับแรก คือ ทิพรส, ปลาหมึก, เมกาเชฟ , เป่าฮื้อ และ หอยนางรม
ขณะที่ตลาดต่างประเทศ จากข้อมูลสถิติการค้าระหว่างประเทศของกรมศุลกากร ระบุว่า ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำปลาที่มีความสำคัญในตลาดโลก และครึ่งแรกของปีนี้เทียบกับครึ่งแรกของปีก่อนหน้า มีอัตราเติบโต 1.3% โดยประเทศคู่ค้าหลัก
- อันดับ 1 สหรัฐอเมริกาเติบโต 7.8%
- อันดับ 2 คือ สปป.ลาว เติบโต 23.6%
- อันดับ 3 เปลี่ยนมาเป็นญี่ปุ่น เติบโต 22.7%
- อันดับ 4 และ 5 ยังคงเดิม คือ ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์ ตามลำดับ แต่ทั้ง 2 ประเทศมีการเติบโตที่ลดลง
Alternate-X สรุปให้
น้ำปลาพิไชย ฉลองครบ 88 ปี หันกลับมารุกตลาดน้ำปลาอีกครั้ง แก้ Pain Point คนรุ่นใหม่ที่ไม่นิยมกินน้ำปลาเพราะกลิ่นแรงและเค็ม เปิดตัวนวัตกรรม ‘น้ำปลาผง’ ลดโซเดียม พกพาง่าย ใช้งานสะดวก เสริมพอร์ตสินค้าครอบคลุมทั้งน้ำปลา กะปิ และน้ำจิ้มซีฟู้ด ตั้งเป้ารายได้แตะ 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 พร้อมขยายตลาดส่งออก