เม็ดเงินโฆษณายุคใหม่ ปี68 อยู่ในสื่อดิจิทัลแล้ว 50% อินฟลูฯ ครอง 30% แซงอินเทอร์เน็ต

ผู้บริโภคยุคใหม่ สุดซับซ้อน ‘ดิจิทัล’ เพียวๆไม่ใช่คำตอบสุดท้าย MI แนะใช้สื่อผสมเจาะ 8 กลุ่มเป้าหมาย

 

จากจุดเริ่ม Technology Disruption ที่คำนี้เกิดขึ้นเมื่อราวปี 2551-2552 ได้สั่นคลอนในแทบทุกอุตสาหกรรมโดยเฉพาะวงการสื่อต่างเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล และมีผลต่อภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภค บริโภค ที่นักการตลาด และ เจ้าของแบรนด์ หันมาพิถีพิถันการใช้เม็ดเงินซื้อสื่อโฆษณา เพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมายด้วยหวังรีเทิร์นกลับมาสู่ยอดขายให้ได้มากที่สุด

 

ทำให้ในช่วงตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา สะท้อนภาพชัดการเติบโตของเม็ดเงินในอุตสาหกรรมสื่อที่ถูกเปลี่ยนผ่านจาก สื่อหลัก(ในอดีต) หรือสื่อดั้งเดิมโดยเฉพาะ สื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ หรือ สื่อนอกบ้าน ไปยัง สื่อใหม่ (New Media) รวมถึง สายอาชีพใหม่​ทั้ง ยูทูบเบอร์ เคโอแอล (KOL) อินฟลูเอ็นเซอร์ ต่างเกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก

 

ส่งผลให้อุตสาหกรรมสื่อในดิจิทัล ในปัจจุบัน กลายเป็นสมรภูมิน่านน้ำสีแดง (Red Ocean) ที่แข่งขันจนทะเลเดือดจัด ไปแล้ว

 

ขณะที่ในปี 2568 นี้ ‘MI Group’ คาดการณ์แนวโน้มอุตสาหกรรม-การตลาดจะมีมูลค่าราว 87,666 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2% ซึ่งปรับลดจากคาดการณ์เดิมจะเติบโต 4.5%จากปีก่อน 2567 และแน่นอนว่า เม็ดเงินการใช้สื่อโฆษณาของนักการตลาด แบรนด์สินค้า ต่างทุมน้ำหนักให้กับสื่ออินเทอร์เน็ตรูปแบบต่างๆ มากขึ้น

 

โดยตัวเลขน่าสนใจ คือ การปรับสัดส่วนระหว่างสื่อดั้งเดิม (ทีวี, สื่อนอกบ้าน, Bangkok Radio,สื่อโรงภาพยนตร์, หนังสือพิมพ์ และ นิตยสาร) รวมกันอยู่ที่ 50%

 

และแน่นอนว่าอีก 50% หรือกว่า 43,500 ล้านบาท เป็นของสื่อใหม่ซึ่งในสัดส่วนนี้เป็นของอินเทอร์เน็ต และ อินฟลูเอ็นเซอร์ (สัดส่วน 20% และ 30% ของภาพรวมตามลำดับ)  

 

ด้าน ‘ภวัต เรืองเดชวรชัย’ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด หรือ MI กรุ๊ปในเครือ Hakuhodo และ Far East Fame Line DDB หนึ่งในมีเดียเอเยนซี่ชั้นนำของไทย เล่าถึงสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งมีผลต่อการดำเนินธุรกิจในภาพรวมทั้งตัวเอเยนซี และ นักการตลาด และแบรนด์สินค้า ตลอดช่วงที่ผ่านมา เช่นกัน

 

จากแนวโน้มการใช้เม็ดเงินในอุตสาหกรรม-การตลาด ที่ให้น้ำหนักมายัง นิว มีเดีย เป็นจำนวนมากขึ้นนั้นถึงในปัจจุบันนี้ ‘ภวัต’ บอกว่า แม้วิธีการนี้จะตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ในปัจจุบันที่ใช้เวลาอยู่กับสื่อออนไลน์ แพล็ตฟอร์มต่างๆและเชื่อถือเคโอแอล มากขึ้นก็ตาม

 

ทว่าแนวทางดังกล่าวอาจยังไม่ใช่คำตอบที่สุดจริง และนำผลลัพธ์กลับมาสู่ภาพรวมทั้งการรับรู้แบรนด์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายสินค้า ที่นำมาสู่การปิดยอดขายที่แท้จริงในที่สุด

 

จัดกลุ่มเป้าหมายชัดซัดด้วย Mixed Media

 

ภวัต มองว่า กลยุทธ์การตลาดการใช้สื่อผสม ‘Mixed Media’ จะเป็นทางออกที่น่าสนใจให้กับแบรนด์ที่ดีที่สุดด้วยเหมาะสมกับผู้บริโภคยุคนี้ มีความหลากหลายและซับซ้อน ซึ่งแบ่งได้ 8 กลุ่มเป้าหมาย ที่ต้องโฟกัส ในปี 2568 ดังนี้

 

1.แรงงานเกษตร  ‘12 ล้านคน’ กลุ่มแรงงานฐานรากที่แม้จะไม่อยู่ในเมือง แต่เข้าถึงเทคโนโลยีและโซเชียลมากขึ้นผ่านมือถือ กำลังซื้อสำคัญในตลาด FMCG พร้อมเปิดรับนวัตกรรมเกษตรมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ช่องทางแนะนำ: Facebook, TikTok, สื่อท้องถิ่น (ป้าย/วิทยุ), อีเวนต์ชุมชน/งานประเพณี

 

2.แรงงานบริการ ‘5 ล้านคน’ กลุ่มสำคัญที่สร้างประสบการณ์บริการในชีวิตประจำวัน ทั้ง ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงแรม ภาคบริการสุขภาพและท่องเที่ยว ที่มีพลังการจับจ่าย และเป็นกลุ่มที่เข้าถึงสื่อผ่านมือถือสูงมาก

 

ช่องทางแนะนำ: Facebook, YouTube, สื่อนอกบ้าน (ป้าย/ตลาดเช้า/ห้างฯ), บูธกิจกรรมในบริเวณแหล่งชุมชนและที่ทำงาน

 

3.Gen Z (13–29 ปี)  ‘13 ล้านคน’ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ ‘Trend Setter’ นิยามโลกในแบบของตัวเอง ทั้งพฤติกรรม การซื้อสินค้า และการเสพสื่อ แรงขับเคลื่อนของทุกแพลตฟอร์ม พฤติกรรมไวต่อกระแส ต้องการการสื่อสารที่สร้างการมีส่วนร่วมและให้คุณค่าความเป็นตัวเอง

 

ช่องทางแนะนำ: TikTok, IG, YouTube, X, Gaming-Discord, สื่อนอกบ้าน (Transit, ใกล้สถานศึกษา/ห้างฯ)

 

4.พนักงานบริษัท ‘18 ล้านคน’ กลุ่มชนชั้นกลางที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเมืองเปิดรับข้อมูลเยอะ แต่เลือกเชื่อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และให้คุณค่ากับแบรนด์ที่เข้าใจชีวิตจริง

 

ช่องทางแนะนำ: Facebook, TikTok, YouTube, LinkedIn, สื่อนอกบ้าน (ป้าย/Transit/ออฟฟิศ), Roadshow ทดลองใช้/สมัครบริการ

 

5.กลุ่มใกล้เกษียณ/ผู้สูงวัย ‘18.6 ล้านคน’ ที่มีทั้งเวลาและกำลังซื้อ พร้อมดูแลตัวเองและคนรอบข้าง ต้องการความมั่นใจในแบรนด์และความคุ้มค่าเป็นกลุ่มที่อาจไม่ได้ไวกับเทคโนโลยี แต่ซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ที่เชื่อถือได้

 

ช่องทางแนะนำ: Line, TV, YouTube, Facebook, สื่อนอกบ้าน (ป้าย/Transit/ห้างฯ/โรงพยาบาล), บูธกิจกรรม (ตรวจสุขภาพ/แจกสินค้าตัวอย่าง)

 

6.Micro Sellers (พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์/ออฟไลน์) ‘4 ล้านคนขึ้นไป’ พวกเขาใช้ทุกเครื่องมือเพื่อสร้างรายได้ ทั้งไลฟ์สด ขายหน้าร้าน และโซเชียล แบรนด์ที่เข้าถึงและสนับสนุนพวกเขาได้ จะได้พลังจากปากต่อปากที่มหาศาล

 

ช่องทางแนะนำ: Facebook Group, TikTok, ป้ายตลาด/หน้าร้านขายส่ง, อีเวนต์ฝึกอาชีพ/แจกแพ็กเกจเริ่มต้น

 

6.แรงงานต่างด้าว ‘มากกว่า 10 ล้านคน’ ผู้ที่เดินทางมาทำงานและกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจไทย พวกเขาไม่ได้แค่ทำงาน แต่ใช้จ่าย กิน เที่ยว และสร้างชุมชนต้องการสื่อสารผ่านภาษาของเขา และช่องทางที่พวกเขาใช้จริง

 

ช่องทางแนะนำ: Facebook ภาษาถิ่น, YouTube, สื่อนอกบ้าน (ป้าย/Transit/โชวห่วย/CVS) ป้ายที่พัก/นิคมฯ/โรงงาน, บูธแจกซิม/สินค้าตัวอย่าง

 

7. นักท่องเที่ยวต่างชาติ เป้าหมาย 36–39 ล้านคน กลุ่มที่เดินทางเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ พร้อมใช้จ่ายกับสิ่งที่แตกต่าง คุ้มค่า และสร้างความประทับใจ ให้ความสำคัญกับความสะดวก ความต่างเฉพาะถิ่น และประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์

 

ช่องทางแนะนำ: ป้ายสนามบิน/แลนด์มาร์ก/ แหล่งท่องเที่ยว, Travel Platform, รีวิว

 

ปี68 ยังมีสัญญาณบวก

 

ภวัต ย้ำว่า “ปีนี้ไม่ใช่เวลายิงโฆษณากว้างๆ หรือจำกัดวงแคบจนเกินไป แต่ต้อง “เล็งแหลม” และกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ไปยังกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและการจับจ่ายสินค้าและบริการในหมวดที่แตกต่างกัน

 

พร้อมทิ้งท้ายว่า แม้เศรษฐกิจไทยต้นปี 2568 มีความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย ทั้งนโยบายเศรษฐกิจโลกและความผันผวนภายในประเทศ แต่ยังเห็น ‘สัญญาณบวก’ ในหลายภาคส่วน ที่สะท้อนพลังฟื้นตัวไตรมาสแรกที่ผ่านมาทั้ง

 

  • แรงซื้อจากยอดจองรถยนต์ในงาน (ไม่รวมมอเตอร์ไซค์) รวมทั้งสิ้น 77,379 คัน เพิ่มขึ้น 41.6% จากปี 2567 จากความร้อนแรงของตลาด EV จีน มีสัดส่วนยอดจอง EV สูงถึง 65% ของทั้งหมด
  • สงกรานต์ระดับโลก Maha Songkran Festival 2025 ตลอด 5 วัน (11 – 15 เมษายน) ณ ท้องสนามหลวง มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1.1 ล้านคน สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 4,097.17 ล้านบาท ย้ำศักยภาพ Soft Power ไทย ดันสงกรานต์สู่เทศกาลระดับโลกท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวแรงต่อเนื่อง
  • รัฐประกาศปี 2025 เป็น Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 จัดอีเวนต์ต่อเนื่องมีนาคม–กันยายน เจาะช่วงโลว์ซีซัน
  • Bangkok Pride Festival 2025 คาดผู้ร่วมงานกว่า 300,000 คน เป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้าใกล้เป้าหมายที่ 39 ล้านคน
  • แรงกดดันจากภาษีสหรัฐฯ ผ่อนคลายชั่วคราว
    • Trump ชะลอขึ้นภาษีนำเข้า 90 วันทั่วโลก ท่าทีที่ผ่อนปรนต่อภาษีสินค้าจีนบางประเภท
    • Trump ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากจีน 145% ช่วงต้นเดือนเมษายน
    • ล่าสุดมีการเลื่อนเก็บภาษีออกไปอีก 90 วัน และส่งสัญญาณว่าความเข้มข้นด้านนโยบายอาจมีการทบทวน

 

MI = ทุกคำตอบโซลูชั่นธุรกิจ

 

ภวัต กล่าวอีกว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นยังส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจมีเดีย เอเยนซี ต้องปรับตัวเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของตลาดเช่นกัน ทำให้เห็นภาพของการควบรวมเครือข่ายมีเดีย เอเยนซี เกิดขึ้น และคาดว่าจะเหลือราว 5 เน็ตเวิร์คที่เตรียมเปิดตัวกลางปี 2568 นี้

 

ขณะที่ MI ได้ทบทวนพร้อมวางตำแหน่งการให้บริการจากการเป็น ตัวกลาง Media Agency สู่การเป็นผู้ประกอบร่างโซลูชั่นสำหรับธุรกิจ (Integrated Solutions Provider) ที่นำเสนอทั้ง กลยุทธ์ และ ทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ด้วยเช่นกัน

 

Alternate-x สรุปให้ 


พฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัลมีความซับซ้อนมากขึ้น การใช้ “ดิจิทัลล้วน” ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการสื่อสารการตลาดอีกต่อไป MI แนะใช้ “สื่อผสม (Mixed Media)” เจาะ 8 กลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายทางพฤติกรรมและช่องทางการเข้าถึง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เชิงยอดขายจริง ปี 2568 คาดการณ์เม็ดเงินโฆษณารวมกว่า 87,666 ล้านบาท โดย 50% ทุ่มให้กับสื่อดิจิทัล อินเทอร์เน็ต และอินฟลูเอนเซอร์ แนวโน้มธุรกิจสื่อกำลังเข้าสู่ยุคของการควบรวมและปรับตัวเป็นโซลูชันแบบครบวงจร

บทความล่าสุด

COLLABORATE IDEAS, CREATE SUCCESS


FOLLOW US

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.