แผนอสังหาฯ ‘ชาญอิสสระ’ ครึ่งหลังปี68 เศรษฐกิจสุดท้าทาย มุ่งสภาพคล่อง-คุมงบฯ โฟกัสบ้านหรู

ชาญอิสสระ มองตลาดอสังหาฯไทยระดับซูเปอร์ลักซู ยังมีแรงซื้อในอีก 1-2 ปี รับดีมานด์เศรษฐีไทย-ต่างชาติเกินครึ่งซื้อเงินสด ยังเป็นโอกาสทำตลาดของผู้พัฒนา พร้อมปรับแผนรัดกุมการเงินรับครึ่งหลังปี68 หนักกว่า 6 เดือนแรกปีนี้

 

สงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ช่วงครึ่งหลังปี 2568 คาดว่าจะหนักกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากปัจจัยลบเดิมภาพรวมเศรษฐกิจโลกกระทบในประเทศ

 

ทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สงครามตัวแทนสองประเทศมหาอำนาจ นโยบายทรัมป์ด้านภาษีการค้า ฯลฯ ขณะที่ในประเทศมีเครื่องจักรเศรษฐกิจหลักเหลือเพียงภาคการท่องเที่ยว ที่เริ่มอ่อนแรงจากความไม่มั่นใจของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีน ส่วนเงินบาทที่แข็งค่าในระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐอเมริกาในเวลานี้ ไม่ส่งผลดีต่อภาคการส่งออก เป็นต้น และปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับสูงกระทบกำลังซื้ออสังหาฯ ในบางกลุ่ม

 

“แนวโน้มดังกล่าวจะยังคงอยู่ ทำให้ผู้ประกอบการจะต้องเร่งปรับตัวลดค่าใช้จ่าย โดยบริษัทฯ จะหันมาเลือกทำโครงการที่มีโอกาส และโฟกัสสภาพคล่องทางการเงินอย่างเข้มงวด” สงกรานต์ กล่าว

 

พร้อมเสริมว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยได้รับผลกระทบในเกือบทุกกลุ่มราคา (Segment) แต่ในโครงการระดับหรูหรา ‘ซูเปอร์ลักซูรี’ ราคาตั้งแต่ 80-100 ล้านบาทต่อยูนิต ขึ้นไป ได้รับผลกระทบน้อยสุด ด้วยเป็นตลาดที่ยังมีความต้องการจากกลุ่มกำลังซื้อสูง

 

“ผู้เล่นหลายรายเห็นโอกาสนี้เช่นกัน ทำให้ต่างเข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาดในเซ็กเมนต์นี้ ซึ่งคาดว่าโปรดักส์กลุ่มระดับราคานี้จะยังไปต่อได้อีก 1-2 ปีจากนี้”

สงกรานต์ กล่าว

 

ขณะที่ ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ ตลาดอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยกลุ่มซูเปอร์ลักซูรีเติบโต มาจากกำลังซื้อในกลุ่ม ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว เช่น เจ้าของโรงงานขนาดใหญ่ ทั้งคนไทยและต่างชาติ เช่น ชาวญี่ปุ่น และชาวจีน (ซื้อในแบบสิทธิการเช่า 30 ปี หรือ Leasehold) โดยกลุ่มนี้มีความสนใจซื้อบ้านราคา 100 ล้านบาท อาทิ โครงการบ้านอิสสระ บางนา ราคา 130-150 ล้านบาท

 

โดยกำลังซื้อส่วนใหญ่ในตลาดกลุ่มนี้ จะมีพฤติกรรมใช้เงินสดในการซื้อบ้านคิดเป็นสัดส่วนราว 50-60%

 

“ไม่ใช่เฉพาะโครงการในพื้นที่กรุงเทพเท่านั้น แต่ยังเห็นการซื้อบ้านหรูด้วยเงินสดในพื้นที่ต่างจังหวัด อาทิ หัวหิน ส่วนกลุ่มที่กู้เงินซื้อบ้านช่วงนี้ค่อนข้างลำบาก” สงกรานต์ เสริม

 

พร้อมกล่าวว่า ภายในปลายปี 2568 นี้ บริษัทฯเตรียมแผนเปิดตัวบ้านระดับลักซูรีอีก 1 โครงการ ในย่านกรุงเทพกรีฑา บนพื้นที่ 40 ไร่ ราคา 80-150 ล้านบาทต่อยูนิต โดยวางแผนพัฒนาโครงการแบ่งออกเป็น 2 ระยะ (Phase) นอกเหนือจากโครงการบ้านอิสสระบางนา บ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซูรี่ ระดับราคาเริ่มต้น 50-150 ล้านบาท ที่ได้พัฒนาแล้วในปัจจุบัน

 

สงกรานต์ กล่าวว่า แนวทางดังกล่าว ส่วนหนึ่งยังเพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจไทย ปี 2568 มีการประเมินอัตราการเติบโตเศรษฐกิจ (GDP) คาดว่าต่ำ 2% ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อเนื่องหลายอุตสาหกรรม ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก ก่อสร้าง

 

ขณะที่ประเทศไทยในขณะนี้ มีความน่าสนใจด้านการลงทุนก็น้อยกว่าประเทศคู่แข่ง อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย ซึ่งมีทั้งจำนวนแรงงาน และค่าแรงถูกกว่า

 

สงกรานต์ กล่าวว่า “ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างสตอรี่ใหม่ๆให้น่าสนใจ ดังอดีตที่เคยมีอีสเทิร์นซีบอร์ด เมื่อ 30 ปีก่อน ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติให้ย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย”

 

ขณะที่ปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีนโยบายที่เด่นชัดนัก ซึ่งอาจต้องใช้แผนระยะยาวที่น่าสนใจ เช่น โครงการคอคอดกระ เพื่อชิงความได้เปรียบด้านโลจิสติกส์ ที่อาจดึงดูดให้การค้าทางเรือย้ายจากสิงคโปร์มาไทย หรือการเพิ่มสิทธิการเช่าที่ดิน จาก 30 ปี เป็น 50 ปี เพื่อสร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจ

 

“ตอนนี้ไทยหลังชนฝาแล้ว จำเป็นต้องตัดสินใจจะเดินหน้าไปทางซ้ายหรือขวา เราไม่มีทางรู้ว่าทางไหนจะประสบความสำเร็จมากน้อย แต่ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ” สงกรานต์ กล่าวทิ้งท้าย

 

Alternate-X สรุปให้ 

ตลาดอสังหาฯ ซูเปอร์ลักซูรียังไปต่อได้อีก 1-2 ปี ด้วยแรงซื้อจากเศรษฐีไทย-ต่างชาติที่ใช้เงินสดซื้อกว่า 50-60% ‘ชาญอิสสระ’ เตรียมเปิดโครงการใหม่ 80–150 ล้านบาท บนถนนกรุงเทพกรีฑา ขณะที่ ภาวะเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 68 คาดว่าจะหนักขึ้น ผู้ประกอบการต้องรัดเข็มขัดเข้ม แต่ตลาดลักซูรียังเป็นโอกาสท่ามกลางปัจจัยลบ เช่น ศก.โลกชะลอ หนี้ครัวเรือนสูง พร้อมเสนอรัฐสร้างสตอรี่ใหม่ เช่น คอคอดกระ-สิทธิการเช่าที่ดิน 50 ปี ดึงการลงทุน 

บทความล่าสุด

COLLABORATE IDEAS, CREATE SUCCESS


FOLLOW US

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.