King ย้ำความเป็นที่ 1 ตลาดน้ำมันรำข้าวไทยตลอด 47 ปี เดินหน้าขยายตลาดน้ำมันเพื่อสุขภาพเกรดพรีเมี่ยม พร้อมสานต่อคุณค่าของรำข้าวไทย สู่นวัตกรรมส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน
ประทีป สันติวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง ผู้ผลิตและทำตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันรำข้าวคิง (King) ย้อนที่มากลุ่มน้ำมันรำข้าวคิงเริ่มก่อตั้งกิจการในปี 2520 ภายใต้วิสัยทัศน์ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารที่เชื่อมั่นในคุณค่าของ ‘รำข้าวไทย’ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุดในเมล็ดข้าว ภายใต้การวิจัยและพัฒนา(R&D) ด้วยกระบวนการผลิตสินค้าตามมาตรฐานระดับสากล เป็นระยะเวลาร่วม 47 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ ‘คิง’ (King) ในตลาดน้ำมันพืชประกอบการอาหารระดับพรีเมี่ยม ถึงในปัจจุบัน
ในโอกาสที่กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิงเข้าสู่ปีที่ 48 ในปี 2568 นี้บริษัท ได้ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ มุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค พร้อมสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยสานต่อการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด ‘Limitless Innovation’ การพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดนิ่ง จากการนำคุณค่าของ ‘รำข้าวไทย’ มาสู่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มากด้วยคุณประโยชน์และยังสอดคล้องกับกระแสการดูแลและใส่ใจสุขภาพของคนรุ่นใหม่ ในปัจจุบัน
“เทรนด์การดูแลสุขภาพยังเป็นที่นิยมเสมอมาทำให้เรามองเห็นโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างความแตกต่างในอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องสำอางระดับพรีเมี่ยม เช่นเดียวกับน้ำมันรำข้าวคิงที่มีคุณภาพสูงเต็มเปี่ยมด้วยคุณค่าวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่รักการดูแลสุขภาพได้เป็นอย่างดี”
นายประทีป กล่าวพร้อมเสริมว่า กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิงยังได้เตรียมแผนพัฒนาสินค้านวัตกรรมเพื่ออนาคต ใน 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย
- ผลิตภัณฑ์กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์ : พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับวัตถุดิบและการขนส่ง เพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยงสัตว์และลดต้นทุนการผลิต ด้วยการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- น้ำมันรำข้าว : ใช้ความเชี่ยวชาญในการผลิตน้ำมันรำข้าวมาเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์นี้
- ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพอื่นๆ : โดยใช้ครีมเทียมน้ำมันรำข้าวเป็นส่วนผสมพื้นฐาน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และได้รับรสชาติของความอร่อย
- ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางและความงาม : โดยอยู่ระหว่างสำรวจตลาดด้านความงามเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับแบรนด์ในการก้าวเข้าสู่ตลาดนี้
โดย ปัจจุบันกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิงมี 7 ผลิตภัณฑ์ภายใต้กลุ่มธุรกิจอาหาร ประกอบด้วย 1. น้ำมันรำข้าวคิง ฝาเขียว โอรีซานอล 8,000 ppm, 2. น้ำมันรำข้าวคิง ฝาทอง โอรีซานอล 12,000 ppm, 3.น้ำมันรำข้าวRicely โอรีซานอล 15,000 ppm, 4. เนยขาวน้ำมันรำข้าวคิง, 5. ครีมเทียมน้ำมันรำข้าวคิง, 6. แป้งรำข้าวคิง และ 7.ไรซ์บัตเตอร์ คิง
ทั้งนี้ จากความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสินค้า ยังผลักดันให้น้ำมันรำข้าวคิงเป็นแบรนด์ Top of mind ของคนไทยอีกด้วย (อ้างอิงผลสำรวจด้านทัศนคติและพฤติกรรมผู้บริโภคน้ำมันประกอบอาหาร ในปี 2560 ของบริษัท Research Matters)
ขณะเดียวกัน บริษัทได้วาง 3 กลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจ ดังนี้
- ตั้งงบการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,300 ล้านบาท เพื่อช่วยเสริมสร้างฐานการผลิตและขยายกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการในตลาด และเตรียมพร้อมกับการเติบโตในอนาคต
- เพิ่มแหล่งรับวัตถุดิบ โดยจะตั้งโรงงาน TRJ สาขานครสวรรค์ เพื่อสร้างความมั่นคงในด้านวัตถุดิบและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนวัตถุดิบ
- ลงทุนในเครื่องจักรที่ทันสมัย เพื่อพัฒนาคุณภาพและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้ตอบสนองต่อมาตรฐานคุณภาพที่สูงขึ้น
“เรามีความมั่นใจในแผนการเติบโตนี้ และพร้อมที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเทคโนโลยีที่จำเป็นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างเต็มที่ และมุ่งมั่นในการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงเป็นผู้นำในตลาดน้ำมันรำข้าว”
ประทีป กล่าวพร้อมเสริมอีกว่า บริษัทยังมีแผนนำธุรกิจเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบและแนวทางที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายการลงทุนธุรกิจอย่างโปร่งใสและยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับการเติบโต เพื่อก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคงในอนาคต
จากแนวทางดังกล่าว บริษัทฯ วางเป้าหมายการเติบโตของกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง มุ่งสู่รายได้ 10,000 ล้านบาทในปี 2573 โดยในปี 2568 ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 8,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น
ขณะที่ ปัจจุบัน ตลาดน้ำมันพืชในประเทศไทย คาดมีมูลค่ารวมประมาณ 25,000-26,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นกลุ่มน้ำมันปาล์ม ราว 70 % กลุ่มน้ำมันถั่วเหลือง 20% กลุ่มน้ำมันรำข้าว สัดส่วน 4-5% และที่เหลือราว 5% จะเป็นกลุ่มน้ำมันพืชอื่นๆ
โดย King ยังครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ1 ตลาดน้ำมันรำข้าวในประเทศไทย
บทสรุป
กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง ย้ำความเป็นผู้นำตลาดน้ำมันรำข้าวไทยตลอด 47 ปี พร้อมขยายตลาดน้ำมันเพื่อสุขภาพเกรดพรีเมี่ยม มุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดูแลสุขภาพและนวัตกรรมเพื่ออนาคต เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ น้ำมันรำข้าว และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอาง โดยบริษัทตั้งงบลงทุน 1,300 ล้านบาท เพื่อเสริมสร้างฐานการผลิตและขยายกำลังการผลิต รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีและเครื่องจักรทันสมัย เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนและก้าวสู่รายได้ 10,000 ล้านบาทในปี 2573.