‘คานิว่า’ ทำแผนปีนี้ขยายตลาดอาหารแมว กลุ่มเจนฯ Z-Alpha ผ่านกลุ่มศิลปิน ‘BUS’ พรีเซ็นเตอร์ รับภาพรวมตลาด 4.7 หมื่นล้านบาทโต 10% ทุกปี
จารุวัฒน์ เลาหวิศิษฐ์ กรรมการบริหาร บริษัท เพ็ท โพรเทคท์ ฟู้ด จำกัด ผู้ทำตลาดอาหารแมวและสุนัข แบรนด์ Kaniva (คานิว่า) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดสัตว์เลี้ยงมีมูลค่าราว 47,000 ล้านบาท เติบโตปี 7-10% ต่อปี
จากปัจจัย กระแสคนไทยมีลูกน้อยลง และเข้าสู่สังคมสูงวัย ทำให้คนต้องการสิ่งเยียวยาจิตใจ นั่นคือ ‘สัตว์เลี้ยง’ ส่งผลให้ ผู้บริโภคไทย เปลี่ยนตัวเองเป็น พ่อหมาแม่แมว หรือ ‘Pet Parent’ เลี้ยงสัตว์เป็นลูก/คนในครอบครัว มากขึ้น
สอดคล้องข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุจำนวนสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของในไทย ในปี 2567 มีอยู่ราว 5.38 ล้านตัว เพิ่มขึ้นราว 6% แบ่งเป็น
- สุนัข 45 ล้านตัว มีอัตราเติบโตปีละ 19%
- แมว 94 ล้านตัว มีอัตราเติบโตปีละ 28%
สำหรับ ตลาดอาหารสัตว์มีมูลค่าราว 10,000 ล้านบาท เติบโตจากจำนวนผู้เลี้ยงสัตว์เพิ่มมากขึ้น และ Pet Parent ใส่ใจสุขภาพหมาแมวมากขึ้น โดยเลือกอาหารสัตว์ที่มีคุณประโยชน์สูงขึ้น
ต่างจากช่วงโควิดที่ตลาดสัตว์เลี้ยงเคยเติบโตถึง 15% และบางหมวดหมู่ อาทิ อุปกรณ์สัตว์เลี้ยงอย่าง เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ โต 20-30%
ขณะที่ กลุ่มอาหารแมว มีแนวโน้มเติบโตมากกว่าอาหารหมา เนื่องจาก แมวเป็นสัตว์ที่ผู้เลี้ยงมักจะให้รับประทานอาหารเม็ด หรือ อาหารเปียก ไม่ค่อยได้กินอาหารคนเท่ากับกลุ่มสุนัข หนึ่งปัจจัยให้กลุ่มผู้เลี้ยงแมวมีแนวโน้มซื้ออาหารสัตว์มากกว่า
“ผู้เลี้ยงแมวมักซื้ออาหารแมวในปริมาณไม่มาก ด้วยพฤติกรรมของแมวมักมีนิสัยเลือกกิน และบางครั้งเบื่อง่าย จึงอาจต้องเปลี่ยนแบรนด์สลับกันไป ต่างจากสุนัขที่มีลอยัลตี้ในแบรนด์สูง มักไม่ค่อยเปลี่ยนอาหารมากนัก”
จารุวัฒน์ กล่าว
จารุวัฒน์ กล่าวว่า ความท้าทายในปี 2568 คือ กำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัวลง ทำให้กระทบตลาดอาหารสัตว์ โดยผู้บริโภคบางส่วนลดค่าใช้จ่ายสัตว์เลี้ยงบางส่วน อาทิ Pet Parent กลุ่มสุนัข ปัจจุบันปรับเกรดอาหารหมาเฉลี่ยอยู่ที่ 800 บาท/เดือน หรือลดลงราว 20% จากเดิม 1,000 บาทต่อเดือน
“Pet Parent กลุ่มแมวมีการลดลงเช่นกัน แต่น้อยกว่ากลุ่มน้องหมา ด้วยแมวมีอินไซด์ค่อนข้างเลือกกินอาหาร ทำให้ทาสแมวบางส่วนยอมอดข้าว หรือลดค่าใช้จ่ายในส่วนค่าอาหารตนเองมากกว่าลดค่าใช้จ่ายอาหารแมว” จารุวัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจหลังไตรมาส 2 และไตรมาส3 ในปี 2568 ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า จะมีจำนวนการเลี้ยงสัตว์เพิ่ม แต่ในกลุ่มคนเลี้ยงเดิม คาดลดค่าใช้จ่ายลง เช่น อาจเลือกอาหารสัตว์ที่มีโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 ทำให้จากที่คนกลุ่มนี้ต้องซื้ออาหารทุกเดือน ก็อาจจะซื้อเดือนเว้นเดือนแทน
จารุวัฒน์ กล่าว่า สำหรับแนวทางการทำตลาด Kaniva ในปี 2568 จะขยายกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ Gen Z และ Gen Alpha ด้วยพบว่าผู้บริโภคเจนฯ Z กว่า 1 ใน 3 หรือมากกว่า 30% เป็นกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ เป็นสัดส่วนสูงมากเมื่อเทียบกับ Gen X และ Baby Boomer ด้วยจำนวนที่สูงขนาดนี้ ตลาดอาหารสัตว์จะไม่ใช่แค่ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) แต่จะเปรียบเสมือนสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) ทั่วไป
ขณะที่ Gen Alpha แม้จะยังเด็ก และขณะนี้ยังไม่ใช่กลุ่มขับเคลื่อนตลาดหลัก แต่การสร้างความผูกพันกับแบรนด์ตั้งแต่ยังเด็ก จะช่วยให้ในอนาคตเมื่อพวกเขาเลี้ยงสัตว์ จะนึกถึงแบรนด์ Kaniva ก่อนแบรนด์อื่นนั่นเอง
จากแนวโน้มดังกล่าว คานิว่า จัดกิจกรรมการตลาดผ่านแคมเปญ Petstival ใจกลางสยาม ควบคู่กับการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ คือ ‘ศิลปินวง BUS’ ทั้ง 12 คน พร้อมแต่งตั้ง ‘เจษ – เจษฎ์พิพัฒน์ ติละพรพัฒน์’ ในฐานะเฟรนด์ ออฟ คานิว่า ‘Friend of Kaniva’ เพื่อเชื่อมโยงแบรนด์กับผู้บริโภคนิว เจน เนอเรชั่น
“แคมเปญฯ นี้เพื่อวางรากฐานแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคในกลุ่มเจนฯ Z และ Alpha ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมบริโภคชัดเจนและพลังซื้อเติบโตต่อเนื่อง โดยใช้การ สื่อสารผ่านศิลปินที่มีอิทธิพลสูงในโซเชียลมีเดีย”
จารุวัฒน์ กล่าวพร้อมเสริมว่า
“คานิว่า จะสื่อสารการตลาดพร้อมใช้สื่อนอกบ้าน (Out of Home) มากกว่า 100 จุดทั่วกรุงเทพฯ ทั้ง BTS, MRT, LED และ Billboard เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ (Top-of-Mind) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
นอกจากนี้ ในปี 2568 คานิว่า ยังวางแผนทำตลาดต่างประเทศเพิ่มอีก 2 ประเทศ อาทิ จีน จากปัจจุบันมีสินค้าจำหน่ายอยู่ 18 ประเทศทั้งในอาเซียน และตะวันออกกลาง พร้อมขยายตลาดในประเทศโซนยุโรปเพิ่มเติม โดยตั้งเป้าในอีกหน่า 2 ปี พอร์ตธุรกิจคานิว่าจะมีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นสัดส่วน 20% จากเดิม 10%
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้ขยายคลังสินค้า (Warehouse) เพิ่มอีกมากกว่า 10,000 ตร.ม. จากปัจจุบันมีอยู่ 45,000 ตร.ม. และใกล้เต็มอัตราการผลิต (capacity) เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด หลังจากเจรจาการค้าในประเทศใหม่ได้สำเร็จ
พร้อมวางแผนทยอยเปืดตัวสินค้าใหม่เข้าตลาดต่อเนื่อง อาทิ อาหารเปียกแมวซีรีส์ไข่ตุ๋น, วิตามินบอล และคอลลาเจนบอล เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น จากปัจจุบัน Kaniva มีสินค้ากว่า 100 รายการ (SKU) และนับรวมบริษัทย่อยจะมี เฮ้าส์แบรนด์สินค้าอีก 10 แบรนด์ รวม 1,000 SKU
ทั้งนี้ จากแผนดังกล่าวทั้งหมด ในปี 2568 บริษัทฯ วางเป้าหมายการเติบโตธุรกิจ 30% จากปีก่อน (YoY) มีรายได้อยู่ที่ 1,167 ล้านบาท
โดยคานิว่า อยู่ในตลาดมาราว 5 ปี มีผลประกอบการเติบโตทุกปี โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 292% ดังนี้
ปี 2563
- รายได้ 90 ล้านบาท
- ขาดทุนสุทธิ 71 แสนบาท
ปี 2564
- รายได้ 150 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ 2 ล้านบาท
ปี 2565
- รายได้ 442 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ 6 ล้านบาท
ปี 2566
- รายได้ 909 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ 4 ล้านบาท
ปี 2567
- รายได้ 1,167 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ 84 ล้านบาท
Alternate-X สรุปให้
ตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง! มูลค่า 47,000 ล้านบาทโตเฉลี่ย 7-10% ต่อปี รับกระแส “ทาสรักลูก” ยอมรัดเข็มขัดตัวเองแต่ไม่ลดคุณภาพอาหารสัตว์ ‘คานิว่า’ ชี้ตลาดแมวแรงแซงหมา คนเลี้ยงแมวเลือกเปย์อาหารพรีเมียมต่อเนื่อง โดยเทรนด์ Gen Z – Gen Alpha เลี้ยงสัตว์มากขึ้น ดันอาหารสัตว์จาก Niche สู่ Mass Product คานิว่าเร่งปั้นแบรนด์ในใจผู้บริโภคนิวเจนฯ พร้อมขยายตลาดต่างประเทศสู่ 20% พร้อมเป้ารายได้ปี 2568 ทะลุ 1,167 ล้านบาท พร้อมแตกไลน์สินค้าใหม่-ขยายคลังรับดีมานด์