ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีปรากฎการณ์ไลฟ์มาราธอน (The Marathon Live) ยาวร่วม 17-18 ชั่วโมงของ ‘เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น’ ที่สร้างยอดขายมหาศาลและเป็นไวรัล บนบัญชี ‘รัชนก สุวรรณเกตุ’ ช่องทางหลักที่เธอใช้ในการไลฟ์สดที่บนแพลตฟอร์ม TikTok Shop
จุดเริ่มต้นหลังเจนนี่ฯ ได้ออกมาไลฟ์สดพูดถึงปัญหาภายในครอบครัว ก่อนจะกลายเป็นขายของออนไลน์ ด้วยมีเหล่าคนดังมาร่วมแท็คทีมไลฟ์ขายของกับเธอแล้วโกยยอดขายถล่มทลายแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งมีทั้ง
- กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ เพียง 10 นาที ยอดพุ่งแตะ 10 ล้านบาท
- ต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ไลฟ์แค่ 5 นาที ยอดทะลุ 5 ล้าน จนเจ้าตัวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่
- น้องฉัตร เมกอัปอาร์ติสต์ชื่อดัง ทำยอดขายกว่า 2.6 ล้านใน 3 นาที พร้อมเอ่ยขอกราบขอบคุณกลางไลฟ์
- นารา เครปกะเทย เผยอยู่กับเจนนี่เพียง 10 นาที ทำเงินกว่า 3 แสนบาท ถึงกับพูดขำๆว่าจะเฝ้าหน้าบ้าน 3 วัน
ขณะที่ ‘ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ’ ก็ร่วมแจมพร้อมสร้างสีสันจนแฟนคลับแห่เอฟสินค้าของ ‘เอ๋ พรทิพย์ สกิดใจ’ (ภรรยา) จนได้ยอดขายหลักล้านบาทในช่วงไลฟ์มาราธอน
โดยหลังไลฟ์สด ‘ป๋อ ณัฐวุฒิ’ ยังออกมายอมรับในความเป็น ‘สุดยอดนักขาย’ ของเจนนี่ ที่มีเทคนิคเฉพาะตัวและสามารถสร้างยอดขายได้จริง จนทำให้เขาซึ่งเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง ยกย่องให้ เจนนี่ฯ เป็น ‘อาจารย์’ ด้านการขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์เลยทีเดียว
จากดราม่าสู่ไวรัล
ต่อปรากฎการณ์ยอดขายไลฟ์มาราธอนครั้งเดียวที่ใช้เวลาร่วม 18 ชั่วโมงในครั้งนี้ เป็นผลต่อเนื่องมาจากกระแสดราม่าที่ร้อนแรงจาดปัญหาภายในครอบครัวระหว่าง ‘เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น’ และ ‘แม่เกตุ’ คุณแม่ของเธอ ที่ออกมาโต้ตอบข้อมูลกันอย่างดุเดือด หนึ่งในชวนเหตุทำให้ ‘ชาวโซเชียล’ให้ความใส่ใจไม่แพ้กันบนโลกโซเชียล
พร้อมกับที่กลุ่มแฟนคลับเองก็ต่างพร้อมให้กำลังใจเจนนี่ อย่างท่วมท้น จนตัดสินใจลุกขึ้นสู้ด้วยการจัดไลฟ์สดขายของแบบมาราธอน บนแพลตฟอร์ม TikTok Shop อย่างต่อเนื่องยาวนาน
แน่นอนว่าผลลัพธ์ตามมาเกินคาด ด้วยการไลฟ์ครั้งนี้ทำลายสถิติส่วนตัวและสร้างยอดขายรวมให้กับแบรนด์ที่ว่าจ้างพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว มีบางแบรนด์ ทำยอดขายแตะ40 ล้านบาทได้ภายในเวลาไม่กี่วัน อีกด้วย
รู้จัก ‘เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น’
สำหรับ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น หรือชื่อจริง ‘รัชนก สุวรรณเกตุ’ เกิดปีพ.ศ. 2538 ปัจจุบันอายุ 30 ปี มีภูมิลำเนา จังหวัดนครศรีธรรมราช
เส้นทางอาชีพของเจนนี่ เริ่มสร้างชื่อเสียงในปี พ.ศ. 2559 จากการแต่งเพลงประชดแฟนตัวเองในชื่อเพลง ‘ไม่สดชื่น’ ก่อนจะโด่งดังเป็นพลุแตกในฐานะนักร้อง นักแต่งเพลง และ เจ้าของค่ายเพลงได้หมดถ้าสดชื่น
ปัจจุบัน ‘เธอ’ เป็นผู้บริหารและกรรมการบริษัทหลายแห่ง ครอบคลุมทั้งธุรกิจบันเทิง ธุรกิจอาหาร และธุรกิจเครื่องสำอาง/อาหารเสริม โดยมีรายงานว่าธุรกิจรวมของเธอสามารถสร้างรายได้รวมในระดับร้อยล้านบาทต่อปี
เปลี่ยนจากคนดูมาเป็นผู้ซื้อ
ตัดภาพมาสู่ปรากฏการณ์ยอดขายร้อยล้านบาทที่กลายเป็นกระแสไวรัลในช่วงข้ามคืน ด้วยหากแกะออกมาดูทีละส่วนของความสำเร็จนี้ จะพบว่าสินค้า (Product) ที่เจนนี่ไลฟ์ขายส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค (Consumer) ที่อยู่ในฐานะผู้ชม (Audience) ของเธอเองโดยตรง
โดยกลุ่มสินค้าหลัก จะเป็นทั้งเครื่องสำอาง อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ที่สามารถสร้างยอดซื้อซ้ำได้ง่าย ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มเดียวกับที่เหล่าคนดังข้างต้นเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าและนำมาทำการตลาดผ่านปรากฎการณ์ไลฟ์ มาราธอน ร่วมกับเจนนี่ ครั้งนี้
ขณะที่ ช่องทางขาย (Place) เธอใช้ช่องบัญชีชื่อของเธอเอง ‘รัชนก สุวรรณเกตุ’ บนแพลตฟอร์มชTikTok เพื่อสื่อสารตรงกับชาวโซเชียลที่ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะซึ่งยังเป็นฐานแฟนของเจนนี่ และกลายมาเป็นลูกค้าที่แข็งแกร่งของเธอบนช่องทางออนไลน์
นอกจากนี้ยังมีกลไกการขาย (Conversion Mechanism) จากการที่ เจนนี่ใช้กลยุทธ์การขายที่กำหนดเป้าหมายชัดเจนแบบตรงไปตรงมา เช่น
- คิดค่าตัวเป็นรายตะกร้าสินค้า (ต่อแบรนด์) ในอัตราที่ชัดเจน และเมื่อสินค้าในตะกร้านั้น ๆ มียอดขายถึงจำนวนที่กำหนด (เช่น 1,000 ออเดอร์) ก็จะมีการนำตะกร้านั้นออกและนำตะกร้าใหม่เข้ามาแทน
โดยผลลัพธ์ที่ได้กลับมาจากการไลฟ์ครั้งล่าสุด ยังทำให้หลายแบรนด์ที่เข้าร่วมไลฟ์มาราธอนกับเธอ ทำยอดขายทะลุเป้า บางแบรนด์ทำยอดขายได้ถึง 20,000 ออเดอร์ จากการไลฟ์ของเธอ
แบรนด์จ่ายให้ประสิทธิภาพการขาย
จากการปิดยอดขายสินค้าได้แบบทะลุเป้าทำให้แบรนด์สินค้าต่าง ๆ แห่กันมาจ้างเจนนี่ไลฟ์สด ด้วยสะท้อนถึงความเชื่อมั่นใน ‘อำนาจการขาย’ ของเธอในทั้งในช่วงเวลาและเทคนิคการขายที่ใช่ให้กับความน่าเชื่อถือในฐานะแม่ค้า
ด้วยแบรนด์อาจเชื่อว่าไม่ได้จ่ายเงินเพียงเพื่อ ‘อินฟลูเอ็นเซอร์’ แต่จ่ายเพื่อ ‘ระบบขายที่มีประสิทธิภาพ’ ที่สามารถเปลี่ยนผู้ชมให้เป็นลูกค้าได้จริง (Conversion Rate)
โดยผลลัพธ์หลังไลฟ์ในครั้งนี้ แบรนด์ยังได้รับประโยชน์จากการที่สินค้าที่ขายดีของเจนนี่จะถูก TikTok Shop นำไปจัดอันดับเป็นท็อป โปรดักส์ และยังคงดันสินค้านั้นให้ผู้ใช้งานรายอื่น ๆ เห็นอย่างต่อเนื่องหลังจบไลฟ์แล้ว ทำให้ยอดขายยังคงวิ่งต่อไปได้อีกด้วย
ไม่กั๊ก บอกเรทค่าจ้างได้หมดฯ
นอกจากนี้ เจนนี่ ยังอยู่ในฐานะอินฟลูฯ ด้วยปัจจุบันช่อง รัชนก สุวรรณเกตุ ใน TikTok มีจำนวนผู้ติดตามสูงกว่า 19 ล้านคน แต่จากการไลฟ์มาราธอนของเธอ ที่สามารถปิดยอดขายได้สูงอย่างรวดเร็ว จนทำให้แบรนด์แห่เลือกใช้บริการเธอตามมาอีกมากในช่วงไม่กี่วัน ยังสะท้อนความสามารถในการทำยอดขายมากกว่าแค่จำนวนผู้ติดตาม เช่นกัน
ขณะที่ เรทราคาเดิม (ข้อมูลจากปี 2567) มีรายงานค่าตัวไลฟ์สดอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท ต่อ 40 นาที หรือ 200,000 บาท สำหรับคลิปรีวิว 5-10 นาที
ส่วนเรทราคาในยุค TikTok Shop (ที่มาแรงในตอนนี้) มีการปรับกลยุทธ์เป็น คิดราคาแบบเหมาตะกร้าหรือเหมาออเดอร์ เช่น 50,000 บาท ต่อ 1 ตะกร้า และหากต้องการดันยอดต่อก็เพิ่มอีก 50,000 บาท ทุก ๆ 1,000 ออเดอร์ถัดไป
เรทนี้สะท้อนว่าแบรนด์ยอมจ่ายเงินมหาศาลเพื่อแลกกับยอดขายที่การันตี
อย่างไรก็ตาม ค่าตัวของเจนนี่ อาจไม่ได้อิงตามจำนวนผู้ติดตามเพียงอย่างเดียว แต่ประเมินจาก ‘ความสามารถในการปิดการขาย (Closing Power)’ และ ‘ยอดขายจริงที่สร้างได้’ ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์ให้ค่าสูงสุดในยุคไลฟ์คอมเมิร์ซ ขณะนี้
ความจริงใจ ทัชใจลูกค้า
โดยในแง่การตลาดและแบรนด์ จากปรากฏการณ์ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น สะท้อนถึงพลังของ Authenticity & Emotional Marketing ค่อนข้างชัด ด้วยลูกค้าในยุคนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าจากโฆษณาที่สวยงามเสมอไป แต่พวกเขาซื้อจาก ‘ความจริงใจ’ และ ‘เรื่องราว’ (Storytelling) ที่มาจากการเปิดเผยเรื่องราวชีวิตส่วนตัวที่เรียลและเข้าถึงง่าย ได้สร้างความผูกพันทางอารมณ์ที่ทรงพลังกว่าการโฆษณาใด ๆ
ขณะเดียวกัน แบรนด์ย้ายจากยุคที่จ่ายเงินให้ Influencer ตามยอด Like และ Follower มาสู่ยุคที่จ่ายตาม ยอดขายที่เกิดขึ้นจริง (Sales Conversion)
ขณะที่ เจนนี่ เป็นตัวอย่างของครีเอเตอร์ ที่สามารถเปลี่ยนยอดวิวเป็นยอดขายได้ในอัตราที่สูงมาก ขณะเดียวกัน ยังเป็นการการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ของเจนนี่ สะท้อนถึง ดราม่าไม่ได้หมายถึงจุดจบเสมอไป
หากสามารถจัดการและเปลี่ยน ‘กระแสลบ’ ให้กลายเป็น ‘แรงผลักดัน’ จนสามารถกอบกู้ภาพลักษณ์และสร้างผลลัพธ์ที่น่าทึ่งได้ จากไวรัล ดราม่า ที่เกิดขึ้นในช่วงสั้น
อ่านบทความอื่น ที่เกี่ยวข้อง
- อินฟลูฯ มาร์เก็ตติง โตแรง ไทยติด Top3 โลกใช้ TikTok ‘เอ้ก ดิจิทัล’ เปิดมาร์เก็ตเพลสจับคู่ให้
- ‘ครีเอเตอร์’ เข้าสู่ยุคใหม่ แบรนด์ไม่สนยอดฟอล-ขอคุณภาพ ‘รีวิว’ โตแรง-วัย 45+ เข้าตลาดอินฟลูฯเพิ่ม
Alternate-X สรุปให้
จากดราม่าส่วนตัวสู่ไวรัลระดับร้อยล้าน ‘เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น’ พลิกเกมไลฟ์สด 18 ชั่วโมงบน TikTok Shop ให้กลายเป็นสนามขายสินค้าขนาดยักษ์ ที่อินฟลูฯ และแบรนด์ต่างแห่เข้าแถวร่วมด้วย ด้วยเทคนิค ‘ระบบขายตรงใจคนดู’ ที่วัดผลได้จริง เปลี่ยนยอดวิวให้กลายเป็นยอดสั่งซื้อ พิสูจน์พลังของ Emotional Marketing และ Authenticity ที่ทำให้ดราม่าไม่ใช่จุดดับ แต่กลายเป็นแรงขับการตลาดยุคใหม่ เมื่อแบรนด์เลิกซื้อแค่ชื่อเสียง แต่จ่ายให้ ‘ระบบขายที่ปิดดีลได้จริง’ นี่คือบทเรียนระดับเรือธงของยุค Creator Economy ที่ขายด้วยใจ แต่ปิดยอดด้วยกลยุทธ์