สกู๊ปไอติมหวานเย็นฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมขนมปังย่างเนยหอมกรุ่น ที่กัดเข้าไปโดนอึ้งแรกเจอความเข้มข้นของรสชาติเนื้อไอศครีม ต่อด้วยอึ้งที่สองของความเข้ากันสุดๆ กับขนมปังกรอบนอกนุ่มในที่มาห่อเจ้าไอศครีม ได้แบบลงตัว
จาก ‘ฟีลลิ่ง’ข้างต้น อาจไม่เกินจริงเลยสำหรับสาย ‘เบเกอรี่ ไอศรีม เลิฟเวอร์’ ทั้งหลาย เมื่อลองได้มีเอ็กซพีเรียนซ์กับ ‘เจปัง’ (J-Pang) แบรนด์ร้านไอติมย่างเนย เจ้าดังในย่านวังหลัง ที่ตอนนี้ธุรกิจขยายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 35 สาขา ภายใต้ฝีมือ ‘โดม-พีรล์ รัตนวชิรินทร์’ ผู้บริหารรุ่นใหม่วัย 33 ปี
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ค เจปัง ไอติมย่างเนย หอมกรอบ โคตรอร่อย
‘เจปัง’ ออกสตาร์ทจากจุดยั่งยืน
‘โดม’ เปิดร้านเจปัง สาขาวังหลัง พร้อมบอกเล่าเส้นทางธุรกิจ เจปัง ไอติมย่างเนย กับจุดเริ่มต้นธุรกิจที่น่าสนใจ ทั้งการลองผิดลองถูกกับชื่อแบรนด์ในยุคแรก ๆ ก่อนเปิดท้ายด้วยแผนขยายธุรกิจแตก Fighting Brand ใหม่เพื่อออกมาแข่งขันในตลาดไอศรีมเพิ่มอีก!!
สำหรับ จุดเริ่มต้น ‘เจปัง’ ไอติมย่างเนย นั้นต้องย้อนกลับไปครั้งแรกเมื่อราว 5-6 ปีก่อน หรือราวๆปี 2562 ส่วนหนึ่งมาจากแนวคิดการขยายธุรกิจใหม่จากกิจการหลักของครอบครัว โรงงานรับจ้างผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆ และ ยูนิฟอร์ม เครื่องแบบให้กับองค์กรธุรกิจ ที่อยู่ในภาวะชะลอตัว
“ในช่วงจังหวะนั้นคุณพ่อ เริ่มมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อความยั่งยืน หรือ ‘ESG’ และได้เข้าไปคลุกคลีกับภาคการเกษตรผู้ปลูกอ้อย ออร์กานิค และอยากต่อยอดเอาพืชไร่กลุ่มนี้มาใช้เป็นวัตุดิบน้ำตาลอ้อย ออร์กานิคเพื่อทำไอศครีม”
โดม เล่าถึงที่มา
พร้อมขยายต่อ หลังจากได้แนวคิดธุรกิจที่ต่อยอดระบบเศรษฐกิจยั่งยืนแล้ว จากนั้นจึงเข้าสู่การกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไอศกรีมสูตรลับเฉพาะ เพื่อให้สมกับคุณค่าของวัตถุดิบตลอดกระบวนการเพาะปลูกให้ได้ผลผลิตที่ไร้สารเคมี
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ค เจปัง ไอติมย่างเนย หอมกรอบ โคตรอร่อย
ทบทวนข้อผิดพลาดสร้างแบรนด์ใหม่
เมื่อได้ผลิตภัณฑ์และสูตรตามคิดไว้แล้ว สเต็ปต่อไป คือ การตั้งชื่อแบรนด์สินค้าเพื่อเดบิวต์เข้าสู่วงการไอศครีม ในตอนนั้น โดม บอกว่า หลังได้ตัวสินค้าแล้วใช้ชื่อแรกคือ ‘เป่า-ยิง-ฉุบ’ เพื่อทำตลาดเฉพาะตัวไอศกรีมเท่านั้น
แต่เมื่อทำตลาดไปสักระยะแล้วพบว่า ‘เปา-ยิง-ฉุบ’ ไม่ได้การตอบรับเท่าที่ควร ด้วยพบข้อผิดพลาดสำคัญ ทั้ง แบรนด์, การทำตลาด และ ราคาสินค้าที่ไม่สอดคล้องกัน
‘โดม’ บอกว่า ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ที่ทำให้เขาต้องกลับไปหมกหมุ่นเพื่อศึกษาและทบทวนการตลาดใหม่ ก่อนตัดสินใจรีแบรนดิ้งเป็น ‘เจปัง’ (J-Pang) โดยเอาคอนเซปต์มาครอบภายใต้ 3 คีย์เวิร์ดหลัก คือ ‘สร้างสรรค์’ ‘สนุก’ และ ‘จริงใจ’ ซึ่งมาพร้อมกับโลโก้แบรนด์ที่สะท้อนความเป็น Japanese Icon ให้ชัดเจนขึ้น
“การเลือกแนวคิดความเป็นญี่ปุ่นมาใช้กับเจปัง ยังเพื่อสื่อถึงความคราฟต์ พิถีพิถัน ของรสชาติ และสไตล์ ผ่านเรื่องราวของไอศครีมที่มาจากวัตถุดิบออร์กานิค” เขาให้รายละเอียด
ปัจจุบัน ‘เจปัง ไอติมย่างเนย’ เปิดให้บริการมากว่า 5 ปี วางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นร้านไอศครีมระดับแมสพรีเมี่ยม ที่ผู้บริโภคเข้าถึงง่ายด้วยราคาในคุณภาพรสชาติระดับบน หลังจากควานหา Positioning แบรนด์อย่างหนัก ด้วยในตอนนั้น มีแบรนด์ไอศกรีมรุ่นพี่ๆ ที่น่าสนใจอยู่ในตลาดก่อนหน้า ทั้ง สเวนเซ่นส์ ที่ครองตลาดไอศรีมระดับบน หรือ ไอศรีมสไตล์โฮมเมด จะเป็นของแบรนด์ ‘Umm milk’ อืมม์..มิลค์
จากจุดนั้นเองที่ทำให้ เจปัง ลองมองหาโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ กระทั่งพบ อินไซต์ความนิยมการบริโภคไอศครีมกับขนมปังของคนไทย ที่มีอยู่มาช้านาน และต่อยอดสู่โปรดักส์ไอศครีมเสิร์ฟพร้อมขนมปังย่างเนย ภายใต้แบรนด์ ‘เจ-ปัง’ พร้อมปักหมุดเปิดสาขาแรกในย่านวังหลัง ออกมาได้ในที่สุด
โดม เสริมเกร็ดธุรกิจอีกว่า การที่แบรนด์ ‘เจปัง’ มีประโยคต่อท้ายว่า ‘ไอติมย่างเนย’ ยังเป็นกิมมิคในการเปิดตัวแบรนด์ ด้วยช่วงนั้นในตลาดอาหารเครื่องดื่ม โดยเฉพาะกลุ่มบุเฟต์ปิ้งย่าง มักลงท้ายชื่อร้านว่าย่างเนย ซึ่งเจปัง มองเห็นเป็นความสนุกและอยากให้ติดตลาด จึงเติมท้ายชื่อแบรนด์เข้าไป ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่จริงๆ
“เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเจปัง ไอติมย่างเนย ที่เมื่อลูกค้ามารับประทานที่ร้าน ยังจะเห็นกระบวนการทำไอติมที่ครบทุกสัมผัสทั้งดูสี ฟังเสียงการย่าง ก่อนปิดท้ายรสชาติความอร่อย” โดม ขยายภาพแนวคิดแบรนด์ ให้เห็นชัดขึ้น
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ค เจปัง ไอติมย่างเนย หอมกรอบ โคตรอร่อย
เส้นทางแฟรนไชส์ สู่ร้อยล้าน
จากจุดเริ่มต้นแบรนด์ ที่แจ้งเกิดในย่านวังหลัง ก่อนธุรกิจจะขยายสาขาเพิ่มในเวลาต่อมา ทั้งบนทำเลพระราม2 การเข้าไปในศูนย์การค้าหลายแห่ง ซึ่งในช่วงนั้น มีผู้สนใจหลายราย ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อขอซื้อแบรนด์ธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ เป็นจำนวนมาก
แต่ โดม บอกว่า หลังจากหารือร่วมกับทีมผู้ก่อตั้งธุรกิจแล้ว ต่างมีความเห็นร่วมกันว่า ‘ไม่ขาย’ นั่นไม่ใช่เพราะว่าเจปังจะดังแล้วหยิ่ง แต่ด้วยเหตุผลในตอนนั้นเป็นจังหวะที่เขาและทีมฯยังไม่มีความพร้อมและไม่มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์ใดๆ มาก่อน
จากจุดนั้นเอง ที่ผลักดันให้ตัวเขา เข้าไปเรียนรู้ระบบและขั้นตอนทางธุรกิจแฟรนไชส์ต่างๆ กับหน่วยงานรัฐที่สนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจในด้านนี้โดยตรง เพื่อเตรียมขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์อย่างเต็มตัว ถึงปัจจุบัน เจปัง ไอติมย่างเนย เปิดให้บริการทั้งหมด 35 สาขา แบ่งสัดส่วนเป็นแฟรนไชส์ 20 สาขา และลงทุนเอง 15 สาขา
โดยมี 3 รูปแบบแฟรนไชส์ เจ-ปัง ไอติมย่างเนย สำหรับนักลงทุนที่สนใจ คือ
- ร้านขนาดใหญ่ (L Size) ใช้งบลงทุนเริ่มต้น 9 แสนบาท
โมเดลนี้ จะให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เมนูต่างๆ ภายใต้คอนเซปต์คาเฟ่ มี่ที่นั่งให้บริการลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในร้าน ปัจจุบัน มีสาขาต้นแบบ (Flagship Store) คือ เจ-ปัง ไอติมย่างเนย สาขาวังหลัง
- ร้านขนาดกลาง (M Size) ใช้งบลงทุนเริ่มต้น 2 แสนบาท
โมเดลนี้ จะให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เมนูต่างๆ ภายใต้คอนเซปต์คาเฟ่ มี่ที่นั่งให้บริการลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในร้าน แต่มีขนาดเล็กลงกว่าไซส์แอล
- ร้านขนาดเล็ก (S Size) ใช้งบลงทุน 9 หมื่นบาท
โมเดลนี้ จะให้บริการภายใต้แนวคิดคาเฟ่ ทู โก (café to go) ในรูปแบบคีออสต์ (Kios) ได้ทั้งแบบตั้งวางในพื้นที่ศูนย์อาหาร หรือ ตั้งเป็นมุมของว่าง ในร้านอาหารต่างๆในคอนเซปต์เดียวกัน
เจปัง จะไปทั่วไทย
โดม บอกแผน ในปี2568 เจปัง ไอติมย่างเนย วางเป้าหมายขยายธุรกิจร้านสาขาได้ไม่ต่ำกว่า 100 แห่งและจะไปทั่วประเทศ พร้อมยอดขายอยู่ที่ 100 ล้านบาท
“เป้าหมายดังกล่าว เป็นความตั้งใจในการทำธุรกิจของเจปังฯ ในปีนี้ แต่จากภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมที่ชะลอตัว อาจทำให้ต้องทบทวนแผนอีกครั้ง”
อย่างไรก็ตาม ต่อการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้นั้น โดม บอกว่า จะใช้กลยุทธ์ความร่วมมือระหว่างพันธมิตรท้องถิ่นร่วมเป็นตัวแทนกระจายสินค้า (Distribution Channal) ในหัวเมืองจังหวัดใหญ่ อาทิ เชียงใหม่, หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา, สุราษฎร์ธานี และ ขอนแก่น เพื่อกระจายสินค้าแบรนด์เจปังฯ ออกสู่ตลาดทั่วประเทศ ได้ในอนาคต
พร้อมวางเป้าหมาย ให้แต่ละจังหวัดมี1 ตัวแทนก็จะสามารถทำให้เจปังฯ ขยายธุรกิจได้ครบ100 จุดได้ตามที่ตั้งใจไว้ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนสาขาร้านไซส์เอส ราว 95% และอีก 5 % เป็นสาขาร้านไซส์เอ็ม และ ไซส์แอล รวมกัน
ความท้าทาย ไอศกรีมสายคราฟต์
โดม กล่าวต่อว่า หลังจากเจปัง ดำเนินธุรกิจมาถึงในวันนี้ พบว่ายังต้องเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับตลาดและผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากการเข้ามาในธุรกิจนี้ ซึ่งเป็นจุดยากของเจปังฯ ที่แม้ว่าจะมีจุดเด่นด้านสินค้าและกลยุทธ์ราคา แต่ต้องเจอกับความท้าทายของผู้บริโภค !!
ด้วยยิ่งเจปังฯ ขายดีมากเท่าไหร่ นั่นหมายถึงจำนวนคิวของลูกค้าอาจจะต้องต่อคิวรอนานขึ้น…และต้องวัด (ใจ) กับผู้บริโภคว่า จะยอมกลับมาซ้ำอีกหรือไม่?!?
จากจุดนี้ ทำให้เจปังฯ ต้องวางแผนเพื่อหากลยุทธ์ใหม่ๆ ผ่านโปรโมชั่นต่างๆ มารับมือกับชาเลนจ์ลูกค้า เช่นกัน ด้วยหลังจากที่ลูกค้าได้ทดลองต่อคิวซื้อสินค้าในครั้งแรกแล้ว และหากติดใจจะยอมกลับมารอคิวซ้ำอีกครั้งในภายหลังเพื่อแลกกับความคุ้มค่าของเงินที่ต้องจ่ายไปให้กับประสบการณ์ความอร่อย ที่แม้ว่าจะรอนาน (ในบางสาขา)
พร้อมกันนี้ โดม ยังให้มุมมองการทำธุรกิจในฐานะผู้บริหารคนรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้าในตลาดอาหารและเครื่องดื่ม ว่า
“ในตอนนี้ทุกแบรนด์ร้านอาหารเครื่องดื่ม ต่างแข่งขันกันสูง ถ้าหากเริ่มทำอะไรที่กว้างๆแล้วมันจะไม่สุด การที่ใครจะเกิดขึ้นมาได้ต้องแตกต่างเท่านั้น และจะแตกต่างอย่างไรต้องใส่ความเป็นตัวเองเข้าไป”
‘โดม’ ปิดท้ายบทสรุปอัตลักษณ์แบรนด์ เจปัง ไอติมย่างเนย ที่แตกต่าง และที่สำคัญคือการเป็นธุรกิจร้านไอศกรีมที่ยั่งยืนมาตั้งแต่จุดเริ่มต้น และยังไม่หยุดกับแค่ธุรกิจนี้แบรนด์เดียวอีกต่างหาก ด้วยในตอนนี้ ‘โดม’ ยังเตรียมเปิดตัวธุรกิจไอศกรีมแบรนด์ใหม่ ‘ไม่อร่อย ให้ต่อย’ พร้อมวางตำแหน่งให้เป็น Fighting Brand ในตลาดกลุ่มไอศรีม สตรีท ฟู้ด
ขณะที่ แบรนด์นี้จะเตรียมมาท้าทายระบบ ให้ผู้บริโภคมาต่อยได้จริงหากไม่อร่อย อีกด้วย!!
Alternate-X สรุปให้
‘เจ-ปัง ไอติมย่างเนย’ แบรนด์ขนมหวานสุดฮิตจากย่านวังหลัง สร้างจุดขายด้วยไอศกรีมเสิร์ฟคู่ขนมปังย่างเนย ภายใต้ฝีมือ ‘โดม-พีรล์ รัตนวชิรินทร์’ ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ต่อยอดธุรกิจการ์เมนต์ของครอบครัว สู่ตลาดอาหารและเครื่องดื่ม จากการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ สู่เอกลักษณ์ญี่ปุ่นที่ผสานความสนุกและคุณภาพ ด้วยวัตถุดิบออร์แกนิก ปัจจุบันมี 35 สาขาทั่วประเทศ ในรูปแบบแฟรนไชส์และลงทุนเอง พร้อมโมเดลร้านหลายขนาด ในปีนี้ ตั้งเป้าขยาย 100 สาขา สู่แบรนด์ไอศกรีมระดับแมสพรีเมียมและแฟรนไชส์ทั่วไทย