FPT กับแผนรับมือความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัยกระทบภาษีทรัมป์-ภัยธรรมชาติ ที่อาจทำให้ FDI มองฐานผลิตไทยไม่เหมือนเดิม เตรียมเคาะแผนธุรกิจใหม่ ‘โซลาร์ เซลล์’ เสริมรายได้ประจำเพิ่ม ยังใช้งบลงทุน 3 พันล.ต่อปี
พีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ โรงงาน, คลังสินค้า และร่วมทุนนิคมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบัน FPT มีพื้นที่ให้บริการทุกกลุ่มธุรกิจกว่า 3.77 ล้าน ตร.ม. รวมตลาดประเทศไทย, เวียดนาม และ อินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทฯมองเห็นโอกาสใหม่สร้ายรายได้จากทรัพย์สินประจำ (Recurring income)ในการให้บริการพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ (Solar Cell) บนพื้นที่ว่างอาคารโรงงาน,คลังสินค้า
โดยขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างสรุปแผนการดำเนินงานทางธุรกิจ คาดมีความชัดเจนภายในสิ้นปี 2568 นี้ พร้อมเริ่มปฎิบัติให้มีความเป็นรูปธรรมและสร้างรายได้กลับมาเพิ่มในอนาคต ซึ่งแนวทางดังกล่าวต่อยอดมาจากการที่ FPT ใช้พื้นที่ว่างหลังคาของอาคารโรงงาน, คลังสินค้า บางแห่งติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพร้อมจ่ายไฟฟ้าราว 2-3 เมกะวัตต์ให้ในบางกลุ่มลูกค้าแล้วในปัจจุบัน
“ต้องรอแผนธุรกิจที่จะสรุปให้ชัดเจนก่อนประเมินมูลค่าการลงทุนหรือรายละเอียดในส่วนอื่นเพิ่มเติม ซึ่ง FPT มองว่าโซลาร์เซลล์ที่จะเกิดขึ้นบนพื้นทีว่าง 3.77 ล้านตร.ม.ที่มีอยู่เพื่อสร้างรายได้ประจำใหม่ให้กับบริษัทฯ ได้ในอนาคต”
พีระพัฒน์ กล่าวว่าแนวทางดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของแผนกระจายความเสี่ยงธุรกิจ FPT จากทั้งความไม่แน่นอนและความท้าทายของเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา และ จีน ต่อการตอบโต้ภาษีทางการค้าที่เกิดขึ้น ซึ่งแม้ว่าจะผ่อนผันระยะเวลาออกไปอีก 90 วัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด ด้วยเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบตรงกับนักลงทุนต่างชาติ ที่มีฐานผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
นอกจากนี้ไทย ยังเผชิญกับความท้าทายใหม่ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรวมถึงอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรมโรงงาน คลังสินค้า และ นิคมฯ ด้วยเช่นกัน
“จากเมื่อปี 2554 ประเทศไทยเคยเจอน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่กระทบความเสียหายในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานมาแล้ว และจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ล่าสุด ที่อาจทำให้ไทยต้องมาทบทวนความเชื่อมั่นด้านทำเลอีกครั้งจากเดิมเราใช้เป็นข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยรอบของภูมิภาคนี้” พีระพัฒน์ กล่าว
3 กลยุทธ์รักษาฐานลูกค้า
ต่อแนวโน้มดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ ได้ทบทวนพร้อมวางแผนการดำเนินธุรกิจให้มีความรัดกุมเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและสร้างความมั่นคงระยะยาว ภายใต้ 3 กลยุทธ์ ดังนี้
- บริหารพอร์ตโฟลิโออย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่หลากหลาย ด้วยกลยุทธ์การให้เช่าและบริการยืดหยุ่น ทั้งรูปแบบสัญญาเช่าระยะสั้น-ระยะยาว ปรับได้ตามความต้องการของลูกค้า พร้อมปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์อาคารให้สามารถใช้งานได้ทั้งรูปแบบคลังสินค้าและอาคารโรงงาน เพื่อดึงดีมานด์และเพิ่มอัตราการเช่า โดยในช่วงที่ผ่านมามีการปรับอัตราเช่าขึ้นราว 5%-1% เป็นไปตามอัตราเงินเฟ้อซึ่งขึ้นอยู่กับลูกค้าแต่ละราย
- สร้างคุณค่าพอร์ตโฟลิโอต่อเนื่อง ด้วยอาคารที่พัฒนาภายใต้มาตรฐาน Frasers Property (Creating Value) บริษัทฯ มีโซลูชันการให้บริการที่รองรับความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ ครอบคลุมการจัดหาที่ดินจนถึงการก่อสร้างอาคารอุตสาหกรรมมาตรฐานสากล ทั้งโรงงานและคลังสินค้าแบบพร้อมใช้ (Ready-Built) หลากหลายขนาด แบบสร้างความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) แบบสร้างตามฟังก์ชันพร้อมใช้ (Built-to-Function) ตลอดจนการร่วมทุนในการพัฒนาโครงการ ARAYA – The Eastern Gateway ที่พัฒนาเป็นระบบนิเวศเมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมครบวงจรรูปแบบใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
- ปลดล็อกศักยภาพของพอร์ตโฟลิโอผ่านการบริหารจัดการทรัพย์สินเชิงกลยุทธ์ (Unlocking Value) เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับธุรกิจ ทั้งการขายทรัพย์สินที่พัฒนาแล้วให้กับกองทรัสต์ FTREIT รวมถึงบริหารที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการขายที่ดินที่ไม่ใช่พื้นที่ยุทธศาสตร์ในช่วงที่ผ่านมาราว 300ไร่ พร้อมติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาโรงงานและคลังสินค้า ไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบ Joint Venture
จาก 3 กลยุทธ์ดังกล่าว ยังเพื่อรองรับภาพรวมการตลาดอสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรม ซึ่งเป็นขาขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จาก 2-3 ปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุน ทั้ง การย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย และการลงทุนจากจีนเพิ่มขึ้น ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาในภูมิภาคอาเซียน มากขึ้น สงผลให้มีผู้ประกอบการอสังหาฯ กลุ่มที่อยู่อาศัยบางราย เข้ามาทำตลาดกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น
เพีระพัฒน์ เสริมว่า “จากมาตรการกำแพงภาษีสหรัฐ-จีน ทำให้มีนักลงทุนอุตสาหกรรมรภถยนต์จากจีนบางรายอยู่ระหว่างชะลอการตัดสินใจเข้ามาลงทุนไปก่อนระยะหนึ่งเช่นกัน”
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เตรียมใช้งบลงทุนราว 3,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งในครึ่งแรกของปี 2568วางแผนใช้งบลงทุนราว 2,000 ล้านบาทในไทย และอีก 1,000 ล้านบาท ในตลาดเวียดนาม และ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตดี ต่อเนื่อง
จากแผนธุรกิจที่วางไว้ ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าปีงบการเงิน 2568 (ต.ค.2567-ก.ย.2568) สามารถสร้างรายได้กว่า 4,000 ล้านบาท เติบโต 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีอัตราการเช่าอยู่ที่ 90% จากเมื่อช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมามีอัตราการเช่าราว 87% ในไทย ส่วนเวียดนาม มีอัตราเช่า 80-85% จากเมื่อปลายปีก่อนราว 70% และในอินโดนีเซีย มีอัตราเช่า 100%
Alternate-X สรุปให้
FPT เดินหน้าแผนรับมือเศรษฐกิจโลกผันผวน ด้วยการเร่งเพิ่มรายได้ประจำเตรียมขยายธุรกิจพลังงานโซลาร์เซลล์ บนพื้นที่ว่าง 3.77 ล้าน ตร.ม. วาง 3 กลยุทธ์หลักรักษาฐานลูกค้าและปลดล็อกศักยภาพทรัพย์สิน และคงงบลงทุนปีละ 3,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรกโฟกัสใน 3 ประเทศ ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 โต 19% พร้อมดันอัตราเช่าแตะ 90%