‘ซานาเอะ’ จุดไฟ Womenomics ทิ้งสังคมชายเป็นใหญ่คุมองค์กรญี่ปุ่นไว้ข้างหลัง

หลังจากที่ ทาคาอิชิ ซานาเอะ เข้ารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ก็เกิดอีกหนึ่ง “ครั้งแรกของประเทศ” ขึ้นตามมาเช่นกัน นั่นคือการปรากฏตัวของ “เฟิร์สเจนเทิลแมน” (First Gentleman) คนแรกของญี่ปุ่น

 

เป็นที่ทราบกันดีว่า ญี่ปุ่นมีรากวัฒนธรรมที่ยึดถือเรื่อง “ชายเป็นใหญ่” มายาวนาน ซึงเรืองเหล่านี้พบเห็นได้ทั่วไปตามสังคมในชาติเอเชียตะวันออก เขาคือ ยามาโมโตะ ทาคุ  อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสามีของนายกรัฐมนตรีทาคาอิชิ ซึ่งด้วยสถานะของเธอ ทำให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญทางสังคมโดยปริยาย แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้ราบรื่นตลอดเส้นทางชีวิต

 

ชีวิตคู่ของทั้งสองแต่งงานกันครั้งแรกในปี 2004 ก่อนจะหย่าร้างในปี 2017 และกลับมารักกันอีกครั้งจนแต่งงานรอบสองในปี 2021  เรื่องราวนี้กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากคนญี่ปุ่นเพราะสะท้อนให้เห็นถึง “ความผูกพันและการให้อภัย” ที่ยังคงอยู่แม้เวลาจะผ่านไป โดย ทาคาอิชิ เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว FNN ไว้อย่างน่ารักว่า

 

“ตอนเขาขอแต่งงาน เขาพูดว่า ‘ผมมีใบอนุญาตเชฟครับ เพราะฉะนั้นผมจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้คุณกินไปตลอดชีวิต เพราะงั้น…แต่งงานกับผมนะครับ’ และผมก็ยังคงทำอาหารให้เธออยู่ทุกวันจนถึงตอนนี้”

 

ขณะที่ ยามาโมโตะ ทาคุ เมื่อถูกถามถึงความรู้สึกในการเป็น “เฟิร์สเจนเทิลแมนคนแรกของญี่ปุ่น” เขาตอบอย่างถ่อมตัวว่า

 

“ผมไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองเป็น First Gentleman เลยครับ ในญี่ปุ่นเราไม่เหมือนตะวันตก ถ้าภรรยาทำงานใหญ่ สามีก็ไม่ควรเด่นเกินไป ผมอยากอยู่แบบ ‘Stealth Husband’ (สามีแนวล่องหน) ที่คอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังมากกว่า”

 

คำว่า Stealth Husband ไม่ได้หมายถึงการหลีกหนีหรือซ่อนตัว แต่คือ “ความถ่อมตัวและการสนับสนุนอย่างมีศักดิ์ศรี” ซึ่งสะท้อนแนวคิด “ความกลมกลืน” อันเป็นรากวัฒนธรรมของสังคมญี่ปุ่น

 

ในประเทศที่มักให้ความสำคัญกับความสมดุลมากกว่าความโดดเด่น การที่สามีเลือก “อยู่ในเงา” เพื่อให้ภรรยาทำงานได้อย่างสง่างาม จึงถือเป็นการสนับสนุนในแบบญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

 

การที่ญี่ปุ่นมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก และมีเฟิร์สเจนเทิลแมนคนแรกในเวลาเดียวกัน จึงไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์ของ “การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง” แต่ยังสะท้อนถึง “การเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรม” ที่ผู้หญิงก้าวขึ้นมามีบทบาทในพื้นที่อำนาจ และผู้ชายเรียนรู้ที่จะสนับสนุนโดยไม่จำเป็นต้องแข่งขันกัน

 

แม้กรณีของ “นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก” จะเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ แต่ในโลกธุรกิจของญี่ปุ่น ความก้าวหน้าของผู้หญิงยังคงเป็น “เส้นทางที่ต้องใช้เวลา”

 

จากรายงานของ Teikoku Databank ในเดือนกรกฎาคม 2025 พบว่า สัดส่วนผู้หญิงในตำแหน่ง ผู้จัดการ (managerial positions) อยู่ที่เพียง 11.1% เพิ่มขึ้นเพียง 0.2 จุดเปอร์เซ็นต์จากปีก่อน ขณะที่ข้อมูลจากเว็บไซต์ hcamag.com พบว่าในบริษัทญี่ปุ่นมีผู้หญิงที่มีบทบาทในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง (executives)  13.8% ของทั้งหมด เพิ่มขึ้น 0.3 จุดจากปีก่อน

 

สำหรับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักของญี่ปุ่น (Prime Market) ผู้หญิงครองตำแหน่งผู้บริหารอยู่ที่ 16.1% ในปี 2024 ส่วนตำแหน่งระดับสูงสุดอย่าง ประธานบริษัท (President/CEO) มีเพียง 8.4% เท่านั้นที่เป็นผู้หญิง

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณบวกบางอย่างให้เห็น โดยงานวิจัยของ Tokyo Shōkō Research ระบุว่า ปี 2024 เป็นปีแรกที่จำนวน “ผู้หญิงหัวหน้าองค์กร” ทั่วประเทศทะลุระดับ 15% โดยอยู่ที่ 15.24% ของทั้งหมด ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในโครงสร้างแรงงานญี่ปุ่น

 

แต่อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมหลักอย่างการผลิต ก่อสร้าง และโลจิสติกส์ ยังคงมีสัดส่วนผู้หญิงในตำแหน่งบริหารต่ำมากเมื่อเทียบกับภาคบริการและเทคโนโลยี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการสร้าง “ความเท่าเทียมทางเพศในองค์กร” ของญี่ปุ่นยังต้องอาศัยเวลาและการปรับโครงสร้างทางวัฒนธรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไป

 

ในสังคมตะวันตกเชื่อมีหลายงานวิจัยที่เชื่อว่า ผู้หญิงในบทบาทผู้นำช่วยเพิ่ม “ความหลากหลายทางความคิด” (diversity of perspectives) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ innovation และ resilience ขององค์กร งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า องค์กรที่มีความเท่าเทียมทางเพศสูงมักมีผลประกอบการที่ดีกว่า

 

สำหรับญี่ปุ่นที่กำลังเผชิญกับปัญหาประชากรสูงวัยและแรงงานลดลง (super-aging society) การเปิดทางให้ผู้หญิงขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารจึงไม่ใช่แค่ประเด็นความเท่าเทียม แต่คือยุทธศาสตร์เศรษฐกิจแห่งชาติที่สำคัญ

 

อย่างไรก็ตาม หากองค์กรไม่สามารถปรับโครงสร้างภายใน เช่น ระบบการเลื่อนตำแหน่ง การทำงานยืดหยุ่น หรือการให้คุณค่ากับ work-life balance ได้จริง ผู้หญิงอาจยังถูกจำกัดอยู่ในบทบาท “รอง” มากกว่าจะได้แสดงศักยภาพเต็มที่

 

เรื่องราวของนายกรัฐมนตรีหญิง “ทาคาอิชิ ซานาเอะ” และสามีของเธอ จึงไม่ใช่เพียงข่าวการเมือง แต่เป็นภาพสะท้อนของญี่ปุ่นยุคใหม่ที่จุดไฟให้ประเทศที่ผู้หญิงเริ่มมีบทบาทนำทั้งในภาครัฐและภาคธุรกิจ

 

 

Alternate-X สรุปให้ 

 

ญี่ปุ่นสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ เมื่อ ทาคาอิชิ ซานาเอะ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก พร้อม “เฟิร์สเจนเทิลแมน” คนแรกของชาติ “ยามาโมโตะ ทาคุ” สามีผู้เลือกเป็น Stealth Husband สะท้อนแนวคิดสนับสนุนโดยไม่ต้องเด่น เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่หมุดหมายการเมือง แต่คือสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านวัฒนธรรมเพศในญี่ปุ่น แม้ผู้หญิงญี่ปุ่นเริ่มก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำมากขึ้น แต่สัดส่วนในภาคธุรกิจยังไม่ถึง 15% การเพิ่มบทบาทผู้หญิงจึงไม่ใช่เพียงเรื่องความเท่าเทียม แต่คือ “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ” ของประเทศในยุคแรงงานหดตัว​​​​

 

 

STORYTELLER BY Jittrapon ponlawat

A former journalist who questions the world, now finding meaning in everyday life—fond of cats, deep talks, and the eloquence of silence.

 

 

บทความล่าสุด

COLLABORATE IDEAS, ALTERNATIVE THINKING

© 2024 altenate-x. All Rights Reserved.