เอ้ก ดิจิทัล มองตลาดอินฟลูฯ พลิกเกมเม็ดเงินสื่อโฆษณาย้ายหนีจากทีวีมาดิจิทัลแรงต่อเนื่อง ส่ง 3 เครื่องมือ MarTech เพิ่มฟังก์ชัน AI ช่วยแบรนด์-SME เจอตัวจริงเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
รัฐธีร์ เจริญรัตน์วรกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ MarTech Solution บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวกระทบกำลังซื้อผู้บริโภคเปราะบาง และการเข้ามาเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นปัจจัยให้นักการตลาดและแบรนด์สินค้า ต้องปรับตัวเพื่อบริหารงบประมาณการสื่อสารการตลาดให้มีประสิทธิภาพเพื่อแปลงสู่ผลลัพธ์ทั้งการรับรู้และยอดขาย
โดยพบข้อมูลสนับสนุน การเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์สื่อ (Media Landscape) ดังนี้
- ปริมาณผู้ชม (Audience) ผ่านสื่อทีวีลดลง 7%
- แบรนด์ ให้น้ำหนักในการทำตลาดสื่อดิจิทัล (Digital Marketing) มากขึ้น ใช้งบประมาณราว 30% ในกลุ่มอินฟลูเอ็นเซอร์
- แบรนด์สินค้าหมวด FMCG และ ความงาม ใช้อินฟลูฯ เพิ่มขึ้นราว40%
‘AI’ เปลี่ยนเกม MarTech
รัฐธีร์ เสริมว่า จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เป็นความท้าทายและโอกาสของนักการตลาดและแบรนด์ จากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีและการเข้ามาของเอไอทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย (CARG) ราว 38% ใน 5 ปีนับจากนี้ (2025-2030)
- นักการตลาดใช้เอไอในสื่อดิจิทัล เพิ่มขึ้น 75% ในปี 2568
- เอไอ ช่วยลดเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 60%
- ผลกระทบอนาคตราว 86% โดยเอไอและเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงธุรกิจภายในปี 2023
เปิดตลาด มาร์เก็ตเพลส อินฟลูฯ
จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ธุรกิจผ่านโซลูชัน 3 ผลิตภัณฑ์รองรับ คือ
1.Influmatch.AI Platform แพลตฟอร์มสำหรับแบรนด์หาอินฟลูเอนเซอร์ที่ใช่ และเป็นมาร์เก็ตเพลส (Marketplace) สำหรับอินฟลูเอนเซอร์
ปัจจุบันมีอินฟลูฯบนแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสบนเครือข่ายเอ้ก ดิจิทัล กว่าแสนราย โดยสัดส่วนมากกว่า 50% เป็นนาโน และไมโคร อินฟลู ที่มียอดผู้ติดตามหลักพันราย รวมถึงกลุ่มแม็คโคร และ เมกา อินฟลูฯ ที่มีผู้ติดตามหลักล้านขึ้นไป
“ปัจจุบันมีอินฟลูฯ ในไทยไม่ต่ำกว่า 9 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วน 3 ล้านคนที่ทำกิจกรรมต่อเนื่อง โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมแนะนำรีวิวสูงสุดในปัจจุบัน จะเป็นกลุ่มไลฟ์สไตล์ สกินแคร์ความงาม และ ค้าปลีก ทั่วไป”
รัฐธีร์ กล่าว
สำหรับ อินฟลูฯ มาร์เก็ตเพลสดังกล่าว บริษัทฯ ได้เปิดรับอินฟลูฯเข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์ม โดยไม่มีค่าใช้จ่าย มีเป้าหมายสร้างการจับคู่ระหว่างแบรนด์และอินฟลุฯ ที่เหมาะสมเพื่อโอกาสทั้งความมั่นใจและเชื่อใจในการทำงานร่วมกัน โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายมีอินฟลูฯ เข้าร่วมเพิ่มเป็น 1 ล้านรายในปี 2569
สำหรับโซลูชันที่ 2 และ 3 คือ Admatch.AI” แพลตฟอร์มจัดการโฆษณาอัจฉริยะ และ Lucky Boost Campaign สำหรับ SMEs โดยบริษัทฯ พัฒนาแคมเปญที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจรายย่อยใช้บริการ MarTech เพิ่มยอดขาย โดยไม่เสียค่าติดตั้งและรายเดือน ชำระเฉพาะค่าบริการตามจริง จำกัดเพียง 100 แบรนด์เท่านั้น
รัฐธีร์ กล่าวว่า
“จากเดิมนักการตลาดใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจเลือกอินฟลู แต่จากการเข้ามาของเอไอจะช่วยแบรนด์ตัดสินใจได้ตรงวัตถุประสงค์มากที่สุด ในยุคที่การตลาดต้องขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีแบบเรียลไทม์ ซึ่งMarTech เป็นตัวช่วยและกลยุทธ์สำคัญ ที่นักการตลาดยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม”
คนไทย ติดท็อป3 ใช้ TikTok
รัฐธีร์ เสริมต่อถึงการรับชมคอนเทนต์ผู้บริโภคไทยบนสื่อโซเชียล พบว่า แพลตฟอร์ม TikTol ของไทยเติบโตสูงต่อเนื่อง ติด 3 อันดับแรก (Top3) คือ อินโดนีเซีย, ไทย และ เวียดนาม ผลักดันให้ตลาดอีคอมเมิร์ซ ขยายตัวสูงเช่นกัน รองลงมาเป็น มาเลเซีย, สหรัฐอเมริกา, ฟิลลิปปินส์, สหราชอาณาจักร และ สิงคโปร์
นอกจากนี้ TikTok ยังขึ้น Top3 แพลตฟอร์มออนไลน์ที่มียอดใช้จ่ายโฆษณาสูงสุด 13% (YoY) TikTok Shop Thailand ในไตรมาสแรกปี 2567 เทียบไตรมาสแรกปี 2568 มีอัตราเติบโต 80%
โดยบริษัทฯ ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์TikTok ด้าน TikTok for Business มองว่าธุรกิจ SMEs สามารถนำเครื่องมือการตลาดเทคโนโลยีและเอไอเข้มาปรับใช้เพื่อการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคตามภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ได้เช่นกัน
Alternate-X สรุปให้
เอ้ก ดิจิทัล เปิดกลยุทธ์ MarTech ใช้ AI ปรับเกมการตลาดรับยุคสื่อเปลี่ยน อินฟลูฯ มาร์เก็ตติง โตแรงจากงบโฆษณาย้ายหนีทีวี แพลตฟอร์ม Influmatch.AI รวมอินฟลูฯ ไทยกว่าแสนราย ตั้งเป้าแตะ 1 ล้านรายปี 2569 ขณะที่ TikTok ดันไทยติด Top3 โลกทั้งเสพย์และซื้อ หนุนอีคอมเมิร์ซโตพุ่ง SMEs ใช้เครื่องมือใหม่ Admatch.AI และ Lucky Boost เจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- ‘เอ้ก ดิจิทัล’ ดึงอินไซต์เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ในอุตฯค้าปลีก เปลี่ยนใจซื้อให้ไวด้วย AI
-
ศึกเก่าศึกใหม่ไม่พัก ‘ประเทศไทย’ ไปต่อครึ่งหลังปี68 MI Group บอกจะขายของต้องเข้าใจลูกค้าเก่ง
-
เม็ดเงินโฆษณายุคใหม่ ปี68 อยู่ในสื่อดิจิทัลแล้ว 50% อินฟลูฯ ครอง 30% แซงอินเทอร์เน็ต