‘เสถียร’ คาราบาว กลับมาแก้เกมตลาดเบียร์ 2.6 แสนล. OEM เบียร์ชิงเต่า-โมเดลใหม่ดราฟต์เบียร์

‘เสถียร เสถียรธรรมะ’ ซีอีโอกลุ่มคาราบาว เปิดตัวธุรกิจเบียร์ไปเมื่อสองปีก่อนหน้า พร้อมกับห่างหายการพบสื่อไปเมื่อปีที่ผ่านมา ในตอนนี้ ‘เขา’ กลับมาพร้อม ประกาศให้ธุรกิจเบียร์เลิกขาดทุน ในปี 2569

 

 

หลัง ‘กลุ่มคาราบาว’ ใช้งบลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตเบียร์ที่จังหวัดชัยนาท ด้วยเทคโนโลยีการผลิตมาตรฐานโลก จากเครื่องจักรที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด พร้อมเปิดตัวสินค้าเบียร์กลุ่มแรกไปเมื่อปี 2566 เพื่อร่วมวงตลาดเบียร์มูลค่า 2.6 แสนล้านบาทของไทย

 

ต่อการเข้ามาในเกมครั้งนี้ ย่อมส่งแรงสั่นสะเทือนให้ตลาดนี้ไปไม่น้อยในฐานะผู้เล่น ’หน้าใหม่’ จากเดิมมี 2 เจ้าหลักที่ครองมาร์เก็ตแชร์รวม 95% ของตลาดกว่าสองแสนล้านบาท

 

 

แก้เกมกลับ-ล้างขาดทุน

 

 

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ‘เสถียร’ เปิดโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ย่านพระราม3 เพื่อบอกเล่าเส้นทางใหม่ธุรกิจเบียร์ของกลุ่มคาราบาว หลังจากที่ ‘เขา’ ห่างหายการออกสื่อช่วงหนึ่งปีเต็มที่ผ่านมา ด้วยยอมรับว่าหลังเปิดตัว ‘ธุรกิจเบียร์’ ไปเมื่อสองปีก่อนนั้นยังขาดทุนอยู่

 

“การกลับมาของปีนี้ เพราะเราไปหาแผนมาแล้วว่า จะทำให้ธุรกิจเบียร์เลิกขาดทุนในปีหน้า”

 

จากในช่วงแรก ของการทำตลาดเบียร์ของกลุ่มคาราบาวมี 5 รสชาติ ประกอบด้วย

 

  • เบียร์คาราบาว 2 รสชาติ คือ
    • Lager
    • Dunkel
  • เบียร์ตะวันแดง 3 รสชาติ คือ
    • Weizen
    • Rose
    • IPA

 

เกมแรก ‘OEM-ขยายตลาดจีน’

 

อย่างไรก็ตาม ต่อการจะเลิกขาดทุนธุรกิจให้ได้นั้นอาจไม่จำกัดแค่การขายปลีกสินค้าเบียร์ในรูปแบบขวด หรือ กระป๋อง เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้แนวคิดใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจในการขยายตลาด

 

สำหรับแผนแรก กลุ่มคาราบาว ได้ร่วมร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ ‘เบียร์ชิงเต่า’ (Tsingtao) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เบียร์อันดับหนึ่งของเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง ประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นของบริษัทชิงเต่า บริวเวอรี่ (Tsingtao Brewery) Co. Ltd.)

 

อ่านบทความอื่น ที่เกี่ยวข้อง

 

 

โดยกลุ่มคาราบาว จะรับจ้างผลิต (OEM) เบียร์ชิงเต่า การทำเบียร์สด รวมถึงการเร่งกระจายสินค้าเบียร์ในช่องทางต่าง ๆ มากขึ้น จากปัจจุบันโรงงานผลิตเบียร์มีกำลังการผลิต 300 ล้านลิตร แต่ใช้ไปเพียง 20%

 

“หากจะคุ้มต้องมีการเดินสายผลิตในสัดส่วน 30% ของกำลังผลิตขึ้นไป ซึ่งแนวทางนี้ยังจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจระหว่างกัน”

 

พร้อมวางแผนจัดจำหน่ายสินค้าเบียร์ชิงเต่าในไตรมาส 1 ปี 2569 และหากสินค้าได้ผลตอบรับดี ‘ชิงเต่า’ อาจใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อกระจายสินค้าในiระดับภูมิภาค ในอนาคต

 

และจากความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ กลุ่มคาราบาว ยังมีโอกาสนำสินค้าเครื่องดื่มในพอร์ตทั้งเบียร์ และ เครื่องดื่มชูกำลัง เข้าไปทำตลาดจีนในมณฑล ซานตง และยูนนาน เช่นกัน

 

 

เกมที่สอง ส่งเบียร์สดขายข้างนอก

 

 

สเถียร บอกว่าสินค้าพอร์ตเบียร์ของกลุ่มคาราบาว จะต้องเร่งพาตัวเองไปสู่กลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยวิธีการรุกขยายช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น ทั้งช่องทางค้าปลีก/โชห่วย (Off-premise) และร้านอาหาร ผับบาร์ (On-premise) ส่งผลให้ยอดขายค่อย ๆ เติบโตในทุกเดือน

 

โดยกลุ่มคาราบาว เตรียมส่ง ‘เบียร์สดเยอรมันตะวันแดง’ บุกตลาดนอกโรงเบียร์ เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ในการดื่มเบียร์สดในประเทศไทย ในสองรสชาติ คือ ลาเกอร์  และ โรเซ่  เพื่อตอบโจทย์ ผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่ต้องการสัมผัสรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากเบียร์สดทั่วไป

 

ด้วยจุดเด่น ของดราฟต์เบียร์ ที่ถูกบรรจุอยู่ในถัง และกดจากTap แท็ปอุณหภูมิต่ำเบียร์หิมะเพื่อเสิร์ฟโดยตรงให้ลูกค้า

 

“เรามีจุดแข็งการกระจายสินค้า จากการจำหน่ายสินค้าอย่างเครื่องดื่มชูกำลังและคาราบาว จึงสามารถส่งสินค้าเบียร์สดได้ภายใน 72 ชม.”

 

นอกจากนี้ กลุ่มคาราบาว ยังเตรียมใช้รูปแบบธุรกิจ (Business Model) ใหม่ สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร เพื่อนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าไปติดตั้งgพื่อให้บริการดราฟต์เบียร์กับลูกค้า ซึ่งจะมีหลากหลายรูปแบบการให้บริการตามความเหมาะสมในแต่ละธุรกิจร้านอาหาร คาดในต้นปี 2569 จะเปิดให้บริการครบ 100 แห่ง

 

ภาพ กรัณย์ สุริวงค์

 

ปัจจุบัน มีกลุ่มร้านอาหาร อิซากายะ ผับบาร์ ที่ให้บริการเบียร์สดเยอรมันตะวันแดง นี้แล้ว อาทิ

 

  • AV Izakaya
  • The Gravitique
  • Anchor Premium Buffer
  • g Kitchen
  • แคมป์คลองโยง
  • Fortune Tap Craft Beer

 

“การขยายช่องทางจำหน่ายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการปลดล็อก ด้านกฎหมาย ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการส่งมอบเบียร์สดในตลาดวงกว้าง”

 

เกมที่สาม พาตัวเองไปหาลูกค้าใหม่

 

เสถียร เสริมว่า หลังจากทดลองทำตลาดเบียร์ในช่วงปีที่ผ่านมา เขายอมรับว่า สินค้าเจอกับความท้าทายใหญ่ ด้วยไม่สามารถนำผลิตภัณฑ์เข้าไปวางจำหน่ายในช่องทางขายโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ได้

 

ด้วยส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยการที่กลุ่มคาราบาว ก็มีธุรกิจร้านค้าปลีกของตัวเอง อย่าง CJ Supermarket, CJ More และ ถูกดี ซึ่งเป็นคู่แข่งตรงกับหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รายใหญ่ที่มีกิจการลักษณะเดียวกันนี้ เช่นกัน

 

“เราต้องเร่งทำตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัดที่คนมักซื้อสินค้าในร้านโชห่วย ส่วนใหญ่ผู้บริโภคจะเลือกแบรนด์ที่คุ้นเคย และมักเลือกสินค้าตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านด้วยซ้ำ“

 

จากจุดนี้ ทำให้กลุ่มคาราบาว มีแผนขยายช่องทางจำหน่ายร้านค้าปลีก โชห่วย เพิ่มขึ้น โดยในปีหน้ามีแผนขยายแบรนด์ร้านค้าปลีก ‘ซีเจ’ เพิ่มขึ้นอีกราว 600 แห่ง คาดใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท

 

จากปัจจุบัน มีร้านสาขาซีเจมากกว่าพันแห่งครอบคลุมกว่า 42 จังหวัด และร้านถูกดี ราวสองพันสาขา

 

“เบียร์ของกลุ่มคาราบาวในช่องทางร้านซีเจ มีสัดส่วนยอดขายมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ รวมกันที่วางจำหน่ายในร้าน”

 

 

ด้วยแนวทางการทำตลาดพอร์ตเบียร์ของกลุ่มคาราบาว ที่วางไว้จาก 3 เกมใหม่ ‘เสถียร’ ขอเปิดขึ้นในรอบนี้ เขามั่นใจว่า กลุ่ม ‘เบียร์สด’ จะกลับมาทำกำไรได้ จากช่องทางจำหน่ายมากขึ้น ส่วนกลุ่มเบียร์ค้าปลีก จะมีตลาดใหม่ทั้งในช่องทางขายในประเทศและในตลาดประเทศจีนเข้ามา

 

จากก่อนหน้ากลุ่มคาราบาว มียอดขายสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มสูงถึง สี่พันล้านบาทต่อปีจากตลาดกัมพูชา แต่ตอนนี้กลับเป็นศูนย์ จากสถานการณ์สงครามชายแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ปีนี้ ที่ผ่านมา

 

 

และเมื่อแต่เมื่อปลดล็อคจุดตายนี้ตามแผนที่วางไว้ พร้อมเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ผลิตภัณฑ์เบียร์ ในปีหน้าอีกหนึ่งรายการ จะทำให้ ‘กลุ่มคาราบาว’ สามารถเลิกขาดทุนสะสมราวพันล้านบาทในธุรกิจเบียร์ ช่วง2 ปีที่ผ่านมาได้อย่างแน่นอนในปี 2569 และมีรายได้ 4,500 ล้านบาท

 

 

Alternate-X สรุปให้

 

 

กลุ่มคาราบาว โดย ‘เสถียร เสถียรธรรมะ’ ยอมรับว่าธุรกิจเบียร์ที่ลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท ยังคงขาดทุนตลอดสองปีที่ผ่านมานับจากการเปิดตัว ‘ซีอีโอ’ประกาศจะ ‘เลิกขาดทุน’ ในปี 2569 และตั้งเป้ารายได้ 4,500 ล้านบาท ผ่านการปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ เกมแรกใช้โรงงานผลิตเป็นฐาน OEM เบียร์ชิงเต่า (Tsingtao) ของจีน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้คุ้มทุน และเป็นโอกาสในการนำสินค้าอื่นเข้าตลาดจีน เกมที่สอง บุกตลาดเบียร์สด (Draft Beer) นอกโรงเบียร์ ด้วยการขยาย Tap Service ไปยังร้านอาหาร ผับ บาร์ ตั้งเป้าครบ 100 แห่งในต้นปีหน้า และสุดท้ายเกมที่ 3 ขยายช่องทางจำหน่ายร้านค้าปลีก CJ Supermarket และ ถูกดี เพิ่ม 600 สาขา แก้ปัญหาการเข้า Modern Trade รายใหญ่ และดันยอดขายเบียร์ในร้านค้าของตัวเองที่มีสัดส่วนสูงกว่า 50%

บทความล่าสุด

COLLABORATE IDEAS, ALTERNATIVE THINKING

© 2024 altenate-x. All Rights Reserved.