AWC ลงทุน 5 พันล้าน ปั้น The Ritz-Calrton สองฝั่งทำเล ล้ง1919-ทรงวาด เชื่อมโปรเจกต์ท่องเที่ยวสายน้ำเจ้าพระยา ลงเรือต่อรถรางไฟฟ้า ย่านการค้าคลาสสิคกรุงเทพฯ
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก, อาคารสำนักงาน, โรงแรม รายใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนราว 5,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการท่องเที่ยวทางสายน้ำเชื่อมการเดินทางเรือ-รถรางไฟฟ้า (Tram)
นอกจากนี้ ยังวางแผนพัฒนาที่ดิน 3 แปลงรวมพื้นที่ 50,400 ตร.ม.สร้าง โรงแรม The Ritz-Calrton Bangkok, The Riverside จำนวน 191 ห้อง ประกอบด้วย
1.โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เดอะริเวอร์ไซต์ (อยู่ฝั่งล้ง 1919) จำนวน 167 ห้อง ประกอบด้วย 2 อาคาร
- อาคารขนาดเตี้ย(Low-rise building) วางตำแหน่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา
- อาคารสูง (High-rise building) วางตำแหน่งหลังสถาปัตยกรรมโบราณรูปตัว U ของ ล้ง 1919
2.โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เดอะริเวอร์ไซต์ ตั้งบนทำเลฝั่งถนนทรงวาด มีจำนวน 24 ห้อง รูปแบบห้องพักแบบเอ็กคลูซีฟ
3.ศูนย์ประชุม (Convention Hall) ขนาด 420 ตร.ม. และที่จอดรถของโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เดอะริเวอร์ไซต์ (อยู่ฝั่งถนนทรงวาด)
วัลลภา กล่าวเสริมรายละเอียดโครงการฯ วางแนวคิดเชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมไทย-จีน ผ่านพื้นที่โครงการ ‘ล้ง 1919’ ที่เน้นความสงบ และ ถนนทรงวาด แหล่งกิจกรรมยอดนิยมในกรุงเทพฯ เข้าไว้ด้วยกัน
โดยวางกลุ่มเป้าหมายหลักเป็น ‘นักท่องเที่ยวคุณภาพสูง’ และ ‘กลุ่มคนรุ่นใหม่’ ที่ต้องการประสบการณ์เที่ยวเชิงวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ รวมถึงมองหาที่เที่ยวที่มีเรื่องราว (Story) และสร้างแรงบันดาลใจได้
ขณะที่โรงแรมวางแนวคิดการพัฒนาให้เป็นมากกว่าซิตี้ โฮเทล (City Hotel) แบบเดิมทั่วไป โดยโครงการ The Ritz-Calrton Bangkok, The Riverside ถูกออกแบบสไตล์จีน และคงสถาปัตยกรรมโบราณในล้ง 1919 ไว้ครบถ้วน
“โรงแรมฯ The Ritz-Calrton Bangkok, The Riverside ห้องสวีตกำหนดอัตราห้องพักสูงกว่า 300,000 บาท/คืน และจะขึ้นเป็นห้องพักที่มีราคาแพงสุดในไทย” วัลลภา กล่าวพร้อมเสริมว่า “พร้อมแบ่งสัดส่วนห้องพัก 20% ของโครงการฯ จะเป็นรูปแบบ 2-3 ห้องนอน สำหรับรองรับครอบครัวใหญ่ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักในไทยระยะยาว”
โดยในเบื้องต้น โครงการฯ ผ่าน EIA เป็นที่เรียบร้อยพร้อมลงเสาเอกแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาพัฒนาโครงการราว 3-4 ปี ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางปี 2571
ฟื้นเชื่อมั่นเที่ยวไทย
วัลลภา กล่าวต่อถึงภาพรวมตลาดโรงแรมในไทยในไตรมาส 1 ปีนี้ที่ผ่านมา ยังมีสถานการณ์เป็นบวก โดยโรงแรมเครือ AWC มีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) มากกว่า 70%
“สิ่งที่น่าห่วง คือ นักท่องเที่ยวจีน ยังไม่มีวี่แววกลับมาเที่ยวไทย แต่ยังมีกลุ่มตะวันออกกลางเข้ามาทดแทน ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยมีรูปแบบผสมผสานมากขึ้น จากเดิมที่ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจีน
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมียนมา และขยายมายังอาคารสูงในไทย ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าประชุมและสัมมนามียอดจองเข้ามาใหม่ (New Booking) ชะลอตัวในช่วงที่ ส่วนยอดจองใช้บริการเดิมไม่ได้มีการยกเลิก
“ประเทศไทยต้องใช้สรรพกำลังฟื้นความเชื่อมั่นของต่างชาติเพิ่มขึ้น” วัลลภา กล่าว “ยังต้องประเมินสถานการณ์เพิ่มเติมเพราะช่วงไตรมาส 2 ปกติเป็นช่วงโลว์ซีซั่นอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้เราหันไปเปิดพื้นที่ที่มีดีมานด์แข็งแกร่ง เช่น พัทยา ได้เปิดตัวโรงแรม Meliá Pattaya และต่อด้วย Marriott Pattaya ซึ่งได้ดีมานด์จากต่างชาติ บวกกับโลคอลดีมานด์ที่แข็งแกร่ง”
Alternat-X สรุปให้
AWC ทุ่มงบ 5,000 ล้านบาท พัฒนา The Ritz-Calrton Bangkok, The Riverside สองฝั่งทำเล ล้ง 1919-ทรงวาด เชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำเจ้าพระยา-รถรางไฟฟ้า พร้อมศูนย์ประชุม ขยายฐานนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง-กลุ่มคนรุ่นใหม่ โรงแรมออกแบบผสมผสานวัฒนธรรมไทย-จีน คาดเปิดกลางปี 2571 ท่ามกลางภาพรวมการท่องเที่ยวไทยที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่จากตลาดจีน