เจาะโอกาสตลาด ‘สินค้าเด็ก’ พบกับ ‘5 เทรนด์’ แห่งปี2025 มาแน่ๆ มีอะไรบ้าง?

อัตราเด็กเกิดใหม่ลดลง ทำให้แต่ละครอบครัวมีสมาชิกใหม่ในบ้านน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด การมีลูกเพียง 1-2 คน ในยุคปัจจุบัน กลายเป็น New Normal ของพ่อแม่สมัยใหม่

 

และยิ่งเมื่อมีลูกน้อยลง ความรัก ความใส่ใจ และ ‘งบประมาณ’ ก็ทุ่มได้เต็มที่ พ่อแม่รุ่นใหม่ ไปจนถึงคนรุ่นใหญ่ในบ้าน  ต่างพร้อมเปย์ขั้นสุดเพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกหลาน และนี่คือโอกาสทองของตลาดสินค้าเด็ก ที่ต้องเกาะ 5 เทรนด์ใหญ่ไว้ให้แน่น เพื่อเจาะกำลังซื้อสายเปย์! แห่งยุค

 

 

มาดูกันว่า 5 เทรนด์สินค้าสำหรับเด็กปี 2025 มีอะไรบ้าง?

 

 

1.สินค้าปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเลือกสินค้าของพ่อแม่ยุคใหม่ไม่เพียงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยต่อเด็ก ๆ แต่ยังต้องดีต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สร้างสังคมและโลกที่ดีกว่าสำหรับลูกหลานในอนาคต ทำให้ตระหนักถึงผลกระทบทั้งในแง่ของสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ระบบภูมิคุ้มกันที่ยังไม่แข็งแรงและกำลังพัฒนา พ่อแม่จึงเลือกสินค้าที่ปลอดภัยจากสารเคมีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อปกป้องเด็กจากอันตรายทั้งต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เช่น

  • การเลือกอาหารที่ปลอดสารเคมีและมาจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน
  • เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายออร์แกนิก
  • ของเล่นที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งการใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังเป็นการสอนให้เด็กเติบโตขึ้นแบบมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

 

2. เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อความสะดวกและปลอดภัย เทรนด์สินค้าเด็กที่มีเทคโนโลยีอัจฉริยะ ตอบโจทย์พฤติกรรมของพ่อแม่ยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกและปลอดภัย รวมถึงการติดตามและควบคุมผ่านเทคโนโลยี ช่วยทำให้พ่อแม่สามารถดูแลและบริหารจัดการการเลี้ยงดูได้ดีขึ้นในทุกด้าน ทั้งในแง่ของสุขภาพ การพัฒนา และความปลอดภัย เช่น

 

  • เครื่องมืออัตโนมัติ ที่ช่วยดูแลลูกในขณะที่พ่อแม่ไม่สามารถอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา อาทิ เครื่องตรวจจับคุณภาพอากาศในห้องของเด็ก หรืออุปกรณ์การนอนที่ช่วยให้เด็กนอนหลับได้ดีขึ้น
  • กล้องตรวจจับการนอน
  • กล้องตรวจจับการเคลื่อนไหว
  • เครื่องฟอกอากาศสำหรับเด็ก

 

นอกจากนี้ ยังมีเสื้อผ้าและอุปกรณ์ตรวจจับอุณหภูมิและสุขภาพเด็กแบบเรียลไทม์ รถเข็นอัจฉริยะ ตลอดจนแอปพลิเคชันที่ช่วยดูแลพัฒนาการของลูกได้แม่นยำขึ้น เช่น เครื่องวัดการเติบโต

 

3. ของเล่นเสริมพัฒนาการเฉพาะบุคคล เทคโนโลยีอัจฉริยะสามารถนำมาใช้ในการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กได้ เช่น ของเล่นอัจฉริยะที่ช่วยฝึกทักษะด้านต่าง ๆ ทั้งการคิด การเรียนรู้ และการปฏิสัมพันธ์ ซึ่งสามารถกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็กได้ในรูปแบบที่สนุกสนานและน่าสนใจ เช่น

 

  • ของเล่นที่สามารถปรับระดับการเรียนรู้ตามพัฒนาการของเด็กแต่ละคน และเทคโนโลยี VR และ AR ที่ช่วยเสริมการเรียนรู้และทักษะทางสังคม หรือ Subscription Box ที่คัดสรรของเล่นเสริมพัฒนาการส่งถึงบ้านตามช่วงวัย ซึ่งการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาการของเด็กไม่เพียงแต่ช่วยให้พ่อแม่มั่นใจในการเรียนรู้ แต่ยังเป็นการส่งเสริมทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคตด้วย

 

4. การชอปปิ้งออนไลน์และการปรับแต่งสินค้าเฉพาะบุคคล เวลาของพ่อแม่ยุคใหม่มีจำกัด การชอปปิ้งออนไลน์ช่วยให้ซื้อสินค้าได้ตลอดเวลาที่สะดวก มีสินค้าให้เลือกหลากหลายประเภท แถมยังเปรียบเทียบราคาได้ ทำให้เลือกซื้อสินค้าได้คุ้มค่า มีบริการจัดส่งสะดวกและรวดเร็ว สอดรับกับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวก ปลอดภัย และการเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้ตรงจุด

 

ส่วนการปรับแต่งสินค้าเฉพาะบุคคล (Personalization) ก็เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยม โดยสามารถปรับแต่งสินค้าหรือบริการให้เหมาะสมกับความต้องการและรสนิยมได้ ช่วยให้พ่อแม่สามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกได้ตามไลฟ์สไตล์ของครอบครัว เช่น เสื้อผ้าที่ใส่ชื่อหรือข้อความส่วนตัว กระเป๋าที่เลือกสีและลายได้ หรือของเล่นและเครื่องมือการเรียนรู้สำหรับเด็กที่สามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับช่วยวัย รวมถึงความสนใจของเด็ก เป็นต้น

 

5. บริการสมัครสมาชิกสินค้าเด็ก (Baby Subscription Service) เพราะพ่อแม่ยุคใหม่มีชีวิตที่ยุ่งเหยิง การสมัครเป็นสมาชิกจะช่วยประหยัดเวลาในการซื้อสินค้าแบบเดิม ๆ เนื่องจากการจัดส่งถึงบ้าน ทำให้จัดการกับการซื้อสินค้าได้ง่าย สะดวกขึ้น และมั่นใจในคุณภาพของสินค้า รวมถึงจัดการงบประมาณด้วยแผนการเงินที่ยืดหยุ่นเหมาะสม

 

อีกทั้งยังเพิ่มประสบการณ์การดูแลที่ตรงจุดและเป็นประโยชน์ของทั้งครอบครัว จากการปรับแต่งสินค้าตามความต้องการและช่วงวัยของลูก ๆ ตัวอย่างเช่น บริการจัดส่งของใช้จำเป็น  อาทิ ผ้าอ้อม/ นมผง ผลิตภัณฑ์ดูแลเด็ก หรือ Subscription Box สำหรับเด็กที่คัดสรรสินค้าและของเล่นที่เหมาะสมส่งถึงบ้าน ซึ่งแบรนด์ต่าง ๆ เริ่มพัฒนาโมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิกเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้บริโภคมากขึ้น

 

ทั้งหมดนี้คือ 5 เทรนด์สินค้าสำหรับแม่และเด็กมาแรงในปี 2025 ที่เน้นการใช้เทคโนโลยี ความยั่งยืน และสุขภาพเป็นหลัก ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยพฤติกรรมของพ่อแม่ที่เปลี่ยนไป ซึ่งต้องใส่ใจในคุณภาพ ความปลอดภัย และพัฒนาการของลูกน้อยมากยิ่งขึ้น

 

แนวโน้มดังกล่าว ยังเป็นโอกาสสำหรับ นักธุรกิจ ผู้ประกอบการที่กำลังหานสินค้าใหม่ๆ และพ่อแม่ยุคใหม่ ไม่ควรพลาดในงานมหกรรมแสดงสินค้าและนวัตกรรมแม่และเด็ก Kind + Jugend ASEAN 2025 (คินอันยูเก้น อาเซียน) มหกรรมงานแสดงสินค้าและนวัตกรรมแม่และเด็กสุดยิ่งใหญ่แห่งเอเชียแปซิฟิก

 

โดยรวบรวม Top Global Brand กว่า 300 แบรนด์มาไว้ครบจบในที่เดียว  โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 14 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยวันที่ 14 มิถุนายน เป็นวันpublic day ที่พ่อแม่ยุคใหม่และผู้สนใจสามารถเข้ามาร่วมจับจ่ายซื้อสินค้าปลีกได้ในราคาพิเศษ! โดยสามารถลงทะเบียนเข้างานได้ที่เว็บไซต์ kindundjugend.asia

 

บทสรุป

อัตราเกิดลดลง ทำให้ครอบครัวมีลูกน้อยลง แต่พร้อมเปย์ให้เต็มที่กับลูกหลาน เทรนด์สินค้าเด็กปี 2025 จึงเน้นคุณภาพ ปลอดภัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีอัจฉริยะ ของเล่นเสริมพัฒนาการ และบริการแบบ Subscription มาแรง พฤติกรรมพ่อแม่ยุคใหม่เปลี่ยน สินค้าต้องตอบโจทย์เฉพาะบุคคลและสะดวกสบาย พบโอกาสและนวัตกรรมสินค้าเด็กในงาน Kind + Jugend ASEAN 2025 วันที่ 12-14 มิ.ย.นี้

บทความล่าสุด

COLLABORATE IDEAS, CREATE SUCCESS


FOLLOW US

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.