แค่ฟอลเยอะไม่พอ อินฟูลฯยุคใหม่ต้อง ‘ปิดการขาย’ได้ แบรนด์ยอมจ่ายดีลละแสน ดันตลาดโต

IdeasLabs เปิดอินไซด์3กลุ่มอินฟลูเอ็นเซอร์ไทยกวาดรายได้รวมกว่า 60% แบรนด์ยอมจ่ายเฉลี่ยดีลละ1แสนบ. คาดครึ่งปีหลังตลาด F&B เปย์หนักสุด

 

ธนดล พิทยานุวัฒน์ กรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ไอเดียแล็บ จำกัด (IdeasLabs) ผู้พัฒนา MarTech Ecosystem สัญชาติไทย เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 ตลาดอินฟลูเอ็นเซอร์ (Influencer Marketing) ในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

จากข้อมูลโดย IdeasLabs พบว่าแคมเปญที่ ‘ปิดดีลสำเร็จ’ (Close Won) ในช่วง 6 เดือนแรก มีจำนวนรวมกว่า 400 แคมเปญ โดยมูลค่าตลาดรวมของแคมเปญเติบโตจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มแบรนด์ที่ใช้ “Publisher Services” ซึ่งเป็นโมเดลการตลาดผ่านผู้มีอิทธิพลทางความคิด (KOL) ที่มีระบบวางกลยุทธ์อย่างเป็นระบบและสามารถวัดผลได้จริง

 

สำหรับโมเดล Publisher Services ในปีนี้ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ชี้ให้เห็นว่าการจ้าง KOL นอกจากหวังผลการตลาดแล้วยังเป็นการวาง ‘โครงสร้างการตลาดแบบใหม่’ ที่เชื่อมโยงข้อมูล กลยุทธ์ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน

 

จากข้อมูลยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกเดือนตลอดครึ่งปีแรก 2025 ยิ่งตอกย้ำภาพรวมของโมเดลนี้อย่างชัดเจน โดยเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2024 พบว่า ยอดขายผ่านแคมเปญที่ใช้ Publisher Services และ KOL เติบโตเฉลี่ยเกือบ 46% ซึ่งในบางเดือนมีการเติบโตสูงถึงกว่า 70% ซึ่งถือเป็นอัตราเร่งที่น่าจับตามองในอุตสาหกรรม

 

ทั้งนี้ แคมเปญที่ปิดดีลได้ครอบคลุมแพคเกจที่มีช่วงราคาหลากหลาย ตั้งแต่ประมาณ 20,000 บาท ไปจนถึง 500,000 บาทต่อแคมเปญ มีค่าเฉลี่ยต่อดีลอยู่ที่ราว 100,000 บาท สะท้อนถึงการที่ Publisher Services และการใช้ KOL สามารถปรับใช้ได้กับทั้งแบรนด์ขนาดใหญ่ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน และแบรนด์ขนาดกลางที่เน้นคุ้มค่าและการวัดผลเป็นหลัก

 

โดยมี 3 กลุ่ม Influencer Marketing ที่ตอบโจทย์ธุรกิจของลูกค้าและเติบโตอย่างโดดเด่น ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา จนคิดเป็นสัดส่วน 62.48% ของรายได้จาก Publisher Services ทั้งหมดได้แก่

 

  1. อาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) สร้างรายได้ 30.47%
  2. ค้าปลีกและไลฟ์สไตล์ (Retail & Lifestyle) สร้างรายได้ 19.84%
  3. ความงามและสุขภาพ (Beauty & Wellness) สร้างรายได้ 12.17%

 

“สำหรับกลยุทธ์ที่สร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจ Influencer Marketing ในยุคนี้จะต้องผสานเทคโนโลยีไปกับเนื้อหาที่วัดผลได้จริง ซึ่งเป็นหัวใจของความสำเร็จ สะท้อนถึงเทรนด์ใหม่ในวงการการตลาดยุคดิจิทัล ที่ไม่ได้วัดจากจำนวนผู้ติดตามหรือยอดวิวเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่พิจารณาจาก ‘ความสามารถในการกระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภค’ อย่างมีประสิทธิภาพ”

ธนดล กล่าว

 

 

โดยหัวใจของความสำเร็จในการทำ Influencer Marketing ก็คือการเข้าถึง Data + Platform + Planning = แต้มต่อของแบรนด์ในยุค Digital Sales ท่ามกลางตลาดที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 91.2% ของประชากร และบัญชีโซเชียลมีเดียมากถึง 51 ล้านบัญชี

 

ดังนั้นกลยุทธ์ Influencer Marketing ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและระบบวัดผลจะกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ของธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนมากกว่าการสร้างกระแสและจำนวนยอดไลก์

 

ธนดล กล่าวต่อถึงแนวทางธุรกิจ IdeasLabs มุ่งรักษาอันดับหนึ่งของตลาด F&B และ Retail & Beauty โดยเตรียมจัดแคมเปญกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าในช่วงเทศกาล และปลายปี ที่ถือเป็น High Season สำคัญของหลายธุรกิจ ด้วยการช่วยวางแผนให้องค์กรเริ่มวางกลยุทธ์ Influencer ตั้งแต่ไตรมาส 3

 

ทั้งนี้ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการบริหารต้นทุน สร้างยอดขาย และแปลง Engagement เป็น Conversion ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับการลงทุนของแบรนด์ในกลุ่ม F&B และ Beauty ในแคมเปญ Influencer Marketing อย่างเข้มข้น ช่วงครึ่งหลังปี 2025 นี้

 

 

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ชัดเจนจากข้อมูลครึ่งปีแรกคือแบรนด์ที่วางแผนล่วงหน้ามีประสิทธิภาพในการใช้ KOL สูงกว่าชัดเจนระบบที่สามารถวัดผล (เช่น API กับ Line OA หรือระบบ Tracking Conversion) เป็นปัจจัยสำคัญในการขยายผลเครือข่าย Publisher ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคไทย สามารถทำหน้าที่ได้มากกว่า media placement

 

“ในภาพรวม กลุ่ม F&B ยังคงเติบโตสูงสุด ด้วยจำนวนแคมเปญที่ปิดดีลมากกว่า 100 รายการ ความโดดเด่นอยู่ที่การใช้ KOL เพื่อเร่งพฤติกรรม “ซื้อทันที” ทั้งในช่องทางเดลิเวอรีและ walk-in ด้าน Retail & Lifestyle เติบโตจากคอนเทนต์ที่มีความ “สมจริง” และเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้บริโภค โดยเฉพาะในหมู่ Gen Z และวัยทำงานรุ่นใหม่ ขณะที่ กลุ่ม Beauty & Wellness ยังคงเน้นรีวิวแบบมีประสบการณ์ตรง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถืออย่างแท้จริง” นายธนดล กล่าว

 

Alternate-X สรุปให้ 

 

IdeasLabs เผยตลาด Influencer Marketing ไทยครึ่งแรกปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะโมเดล “Publisher Services” ที่เน้นการวัดผลและสร้างยอดขายได้จริง ซึ่งแคมเปญในกลุ่มนี้มียอดขายโตเฉลี่ยเกือบ 46% และแบรนด์ยอมจ่ายค่าเฉลี่ยถึง 100,000 บาทต่อดีล 3 กลุ่มอินฟลูฯ ที่ทำรายได้สูงสุดคือ อาหารและเครื่องดื่ม, ค้าปลีกและไลฟ์สไตล์, และความงามและสุขภาพ สะท้อนเทรนด์ใหม่ที่ไม่ได้วัดแค่ผู้ติดตาม แต่ต้องมี “ความสามารถในการกระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภค” โดยเฉพาะแบรนด์ F&B และ Beauty คาดว่าจะลงทุนหนักขึ้นในครึ่งปีหลัง และกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการ

 

บทความล่าสุด

COLLABORATE IDEAS, CREATE SUCCESS


FOLLOW US

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.