เปิดสถิติครึ่งแรกปี68 ราคาทองในไทยพุ่ง 25% ย้อนหลัง 20 ปีให้ยีลด์เฉลี่ย 9% ต่อปี

YLG มอง 5 ปัจจัยหนุนแรงราคาทองคำทั้งปี มีลุ้นเป้าสูงสุด 3,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ รับจังหวะลงทุนผ่าน Gold Wallet บนแอปฯเป๋าตังสะสมทองคำ เริ่มต้น 100 บาท

 

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 25% ถือว่าปรับตัวขึ้นมาได้ค่อนข้างแรงและเร็วเมื่อเทียบกับปี 2567 ที่ทั้งปีราคาปรับขึ้นไปที่ 27%

 

ดยปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาจาก

 

  • ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน

 

  • สงครามการค้า หลังการรับตำแหน่งของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งแม้ว่า โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะส่งสัญญาณขยายเวลาการเจรจากับประเทศคู่ค้า หลังกล่าวว่าภาษีศุลกากรจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม

 

อย่างไรก็ดีล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ โพสผ่าน Truth Social ขู่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมในอัตรา 10% ต่อประเทศใดก็ตามที่ดำเนินนโยบายสอดคล้องกับกลุ่ม BRICS ซึ่งเขาระบุว่าเป็น ‘นโยบายต่อต้านอเมริกา’

 

  • ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงคุกรุ่นในตะวันออกกลาง

 

อย่างไรก็ดียังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง คือ

 

  • การเข้ามาซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก ในลักษณะการซื้อทุกราคาโดยไม่ขายออกมา

 

  • แรงซื้อจากกองทุน ETF ทองคำที่เข้ามาลงทุนในทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงมากขึ้นยิ่งทำให้ราคาทองทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง

 

 

ทั้งนี้มองสาเหตุที่ทองคำยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ และไม่สามารถพิมพ์เพิ่มขึ้นมาใหม่ได้ ซึ่งแตกต่างจากเงินตราของประเทศต่างๆ ทองคำจึงสามารถป้องกันอัตราเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงิน

 

ขณะเดียวกัน สถิติย้อนหลัง 20 ปีพบว่าทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9.36% ต่อปี ไม่เพียงเท่านี้ ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ในช่วงเกิดความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 10%  และทองคำมีความพิเศษคือมีสภาพคล่องสูงสามารถซื้อขายเปลี่ยนเป็นเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงทำให้ทองคำได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย

 

สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของทองคำในระยะยาวปีนี้ YLG มองว่าทองคำยังมีโอกาสขึ้นไปแตะ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และหากสถานการณ์ความกังวลต่าง ๆ ยังไม่คลี่คลายก็มีโอกาสที่จะไปได้ถึง 3,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์

 

ขณะที่ราคาทองคำในประเทศนั้น มีโอกาสขึ้นไปแตะ 53,800 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านถัดไปที่ 56,200 บาทต่อบาททองคำ (โดยคาดการณ์ที่ค่าเงินบาทระดับ 32.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ)

 

ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำแต่มีเงินลงทุนเริ่มต้นจำกัด YLG ได้เปิดให้บริการ Gold Wallet บริการซื้อขายทองคำแท่ง 99.99% ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง ด้วยราคาเรียลไทม์ ซื้อขายทองต่อครั้งด้วยขั้นต่ำ 0.1 ออนซ์ สูงสุดแบบเต็มเพดาน ได้สูงสุดถึง 700 ออนซ์ หรือ 20 กิโลกรัม

 

ลงทุนแบบสะสม

 

ส่วนนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการลงทุนระยะยาวนั้น แนะนำสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน DCA (Dollar-Cost-Average) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการสะสมทอง และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้อีกด้วย

 

สำหรับนักลงทุนมือใหม่วายแอลจีแนะนำแอปพลิเคชัน Get Gold by YLG ที่วายแอลจีเปิดให้บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำโดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท ได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ตโฟน และมีความน่าเชื่อถือ ด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง

 

โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ-ขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่ App Store และ Play Store หรือ LINE : @ylggetgold โทร. 0-2678-9888 #2

 

Alternate-X สรุปให้ 

YLG คาดราคาทองคำปี 2568 อาจแตะสูงสุด 3,650 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ จาก 5 ปัจจัยหนุน เช่น ภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน ความขัดแย้งทางการเมือง และแรงซื้อจากธนาคารกลาง ชูทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย-ป้องกันเงินเฟ้อ พร้อมลงทุนสะสมได้แม้เริ่มต้นเพียง 100 บาท  ผ่านแอป Get Gold by YLG ซื้อ-ขายทองคำแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์นักลงทุนรุ่นใหม่ พร้อมส่งเสริมการลงทุนแบบ DCA เพื่อสร้างวินัยสะสมทองในระยะยาว ส่วนแนวโน้มทองในประเทศอาจแตะ 56,200 บาท หากค่าเงินบาทอยู่ระดับ 32.45 บาท/ดอลลาร์

บทความล่าสุด

COLLABORATE IDEAS, CREATE SUCCESS


FOLLOW US

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.