‘บุณยสิทธิ์’ เจ้าสัวเครือสหพัฒน์ ย้อนทุกวิกฤตเศรษกิจผ่านมาได้ ‘ปีไหนไม่ดีแค่โตช้า ปีไหนดีก็โตเร็ว’ แต่เน้นฐานองค์กรแข็งแรงไว้ก่อน ปีนี้ไปต่องาน ‘สหกรุ๊ป แฟร์ & เฟส ครั้งที่ 29 กับเป้ารายได้ปี’68 แตะ 5 หมื่นล้านบาท โต10%
บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่วนประเทศไทยเติบโตต่ำสุดในระดับภูมิภาคด้วยก่อนหน้าไทยเคยเติบโตสูงสุดมาแล้ว เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างมาเลเซีย และ เวียดนาม ที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจและเติบโตดี ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม มองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจคาดจะถดถอยเพียงระยะหนึ่ง ด้วยต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยทั้ง แนวทางของไทยที่มีต่อนโยบายภาษีทางการค้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งในสุดท้ายแล้วน่าจะใช้ระยะเวลาราว 2-3 ปี
“ที่สำคัญ ไทยมีจุดแข็ง คือ ความเป็นกลางไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่งระหว่างจีนหรือสหรัฐอเมริกาจึงน่าผ่านไปได้”
บุณยสิทธิ์ กล่าวพร้อมเสริมว่า
ขณะที่ สหพัฒน์ ดำเนินธุรกิจมาตลอดกว่า 80 ปีที่ผ่านมาได้ต่อสู้กับเศรษฐกิจที่ขึ้นลงมากมาย “หากปีไหนเศรษฐกิจไม่โตเราก็แค่เติบโตช้า ปีไหนเศรษฐกิจดีเราก็เติบโตได้เร็ว”
โดยสหพัฒน์ มุ่งแนวทางสร้างความปลอดภัยให้บริษัทมากกว่า ซึ่งแม้ว่าธุรกิจจะโตช้าแต่จะเน้นสร้างฐานภายในให้แข็งแกร่งแทน และสำคัญสุดคือไม่คิดว่าหากเศรษฐกิจไม่ดีแล้วต้องจะต้องทำอะไรให้มากขึ้น โดยไม่ไปฝืนธรรมชาติ ด้วยหากเศรษฐกิจโตช้า เราก็แค่เดินช้าลง เป็นสิ่งที่ยังคงทำให้ สหพัฒน์ ดำเนินการมาได้ถึงในปัจจุบัน
“สภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปีนี้ เปรียบเหมือนรถยนต์ที่เหลือเพียง 3 ล้อจากที่เคยมี 4 ล้อ หากเศรษฐกิจดีก็เปรียบเหมือนเป็นรถยนต์อีวี ซึ่งแม้จะเหลือเพียง 3 ล้อแต่รถยนต์ก็ยังเป็นรถยนต์ ก็ยังอยู่ได้ เปรียบกับเมื่อก่อนที่เรายังเป็นเพียง 2 ล้อก็ผ่านมาแล้ว จึงมองว่าแต่ละยุคเหตุการณ์ไม่เหมือนกัน บางยุคเศรษฐกิจไม่ดีแต่มีโอกาส ส่วนยุคนี้ปีนี้เศรษฐกิจไม่ดีแต่หากปรับตัวได้ก็ยังอยู่รอด”
บุณยสิทธิ์ กล่าว
พร้อมเสริมกล่าวต่อว่า ขณะที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับนโบายเกี่ยวกับภาคการผลิตและการพัฒนาด้านต่างๆ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจและจูงใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยมากกว่า โดยเฉพาะโครงการแลนด์บริดจ์’ (Land Bridge) และ EEC ที่ควรมีมากกว่าที่เดียว เป็นต้น
“แจกเงินดิจิทัลที่ผ่านมาเป็นเพียงโครงการนโยบายหาเสียง ไม่สนับสนุนให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่หากเป็นนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้มากกว่า” บุณยสิทธิ์ ย้ำ
เศรษฐกิจปีนิ้ ไม่แย่ไปกว่าช่วงโควิด
ด้าน บุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัท บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด กล่าวในทิศทางเดียวกันว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวที่เกิดขึ้น หากวิเคราะห์แล้วพบว่าในปีนี้ไม่ได้แย่กว่าช่วงปีที่เกิดโควิด (2563-2565)
“ในปีนั้นเศรษฐกิจติดลบแต่ปีนี้ยังไม่ติดลบ แม้ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังสูง แต่เป็นปัญหาที่มีมานานแล้ว แก้ยาก ส่วนปัญหาที่เกิดจากความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์ เชื่อว่ายังไงประเทศไทยก็รอด จะกระทบเพียงกลุ่มส่งออกกับเรื่องของกำแพงภาษีสหรัฐ แนะว่าอย่าตื่นตระหนกตกใจ แต่ควรหาวิธีในการส่งสินค้าเข้าไปสหรัฐและประเทศอื่นๆ ต่อจะดีกว่า เพราะเชื่อว่าคนสหรัฐยังไงก็ต้องบริโภค จึงไม่อยากให้กังวลไปเอง สำคัญที่สุดอยากให้รัฐบาลมุ่งสื่อสารสร้างกำลังใจแก่ประชาชนไม่ให้ท้อถอย หากไม่ตกงานก็อยากให้ใช้จ่ายเหมือนเดิม ดีกว่านำเสนอด้านลบ”
บุญชัย กล่าวพร้อมเสริมว่า
อย่างไรก็ตามภาคกำลังซื้อเกิดจากความเชื่อมั่นของประชาชน ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ยอดขายตก และหากไม่มีกำลังใจแล้วจะยิ่งทำให้การใช้จ่ายชะลอตัวมากยิ่งขึ้น
ขณะที่สหพัฒน์ ไม่เคยหยุดนิ่ง พร้อมตั้งรับการเปลี่บนแปลงตลอดเวลาด้วยการลงมือทำก่อนปัญหาจะเกิด เช่น การบริหารต้นทุนหากทำแล้วต้องทำต่อไป เพื่อให้กำไรยังคงอยู่ ไปพร้อมปรับเปลี่ยนวิธีคิดของพนักงาน เปลี่ยนทัศนคติมุ่งสร้างการเติบโต (Growth Mindset) ให้มียอดขายเพิ่ม
“แม้เศรษฐกิจไม่ดีแต่เมื่อเรามีเป้าหมายการเติบโตก็ต้องหาวิธีไปให้ถึง ไม่ใช่หาทางแก้ปัญหาตามหลัง แต่ต้องทำก่อนที่ปัญหาจะเกิด” บุญชัย ย้ำ
จากแนวทางดังกล่าวในปีนี้ สหพัฒน์ยังคงวางเป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ 10% คิดเป็นมูลค่ารวมที่ 50,000 ล้านบาท จากในไตรมาสแรกปีนี้มีอัตราเติบโตรายได้ 4.8% ส่วนกำไรเติบโต 20% คิดเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท จากการจำหน่ายสินค้าที่มีกำไรสูงได้เยอะ และการออกสินค้าใหม่กระตุ้นยอดขาย
สำหรับแนวทางธุรกิจครึ่งปีหลังนี้ วางแผนสร้างยอดขายเติบโตเพิ่มจากการหาโอกาสขยายช่องทางจำหน่ายร้านเอเย่นต์ใหญ่ให้ครอบคลุมมากขึ้น จากปัจจุบันมีร้านค้าหน่วยรถ 32,000 ร้านค้า เป็นต้น
“จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น มองว่าการทำธุรกิจปีนี้ต้องมีการปรับเปลี่ยน แก้ไขอยู่ตลอดเวลา ใช้เงินให้น้อยลง ฟุ่มเฟือยให้น้อยลง ดูแลลดต้นทุน อย่ารอให้แย่แล้วมาลด และทำช่องทางขายที่อ่อนแอให้แข็งแรงขึ้นมา”
บุญชัย กล่าว
ด้าน ธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ประธานจัดงานสหกรุ๊ป แฟร์ & เฟส กล่าวว่า ปีนี้เครือสหพัฒน์ยังคงเดินหน้าจัดงานสหกรุ๊ป แฟร์ขึ้น โดยยกระดับการจัดงานสหกรุ๊ป แฟร์ & เฟส ภายใต้คอนเซปต์ Big Shop Big Show โดยรวมสินค้าราคาพิเศษนำมาให้ช็อป พร้อมมอบประสบการณ์พิเศษกว่าเดิม โดยจะจัดขึ้นวันที่ 26-29 มิถุนายน 2568 นี้ เวลา 10.00 – 21.00 น. ที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนา
โดยในส่วนของ Big Shop คือ การยกระดับประสบการณ์การช็อปให้สะดวก สนุก ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ด้วย 2 แอปพลิเคชั่น คือ 1. BIGXSHOW แพลตฟอร์มไลฟ์คอมเมิร์ซรูปแบบใหม่ ที่ผสานความบันเทิงจากการถ่ายทอดสดกับการช็อปแบบเรียลไทม์ และ 2.FRIDAY FAIR แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ที่พัฒนาโดยคนไทย 100% ประเดิมเปิดจำหน่ายสินค้าจากงานสหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้เป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ ยังมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างเครือสหพัฒน์กับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ รวม 10 ฉบับ ครอบคลุมทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์,เทคโนโลยี, การศึกษา อีคอมเมิร์ซ และธุรกิจบริการ อาทิ การเปิดตัวโรงแรมหรูใจกลางราชดำริร่วมกับไทยโอบายาชิ การพัฒนาเทคโนโลยี AI และ Cloud ร่วมกับบริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด การสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินร่วมกับบางกอกแอร์ เอวิเอชั่น เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ การพัฒนาบุคลากรด้าน AI ร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีปทุม และความร่วมมือเพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือในธุรกิจอัญมณี การขยายช่องทางการตลาดสินค้าฮาลาล รวมถึงความร่วมมือในการเปิดร้านขายสินค้าไลฟ์สไตล์สำหรับคนรักแมว
Alternate-X สรุปให้
องค์กรธุรกิจรายใหญ่ของไทยเครือสหพัฒน์ มองเศรษฐกิจไทยปีนี้แม้ชะลอ แต่ไม่แย่กว่าช่วงโควิด โดยสหพัฒน์ยังคงเดินเกมธุรกิจด้วยฐานที่แข็งแรง พร้อมเป้ารายได้ปี’68 โต 10% แตะ 5 หมื่นล้านบาท เน้นปรับตัว-ลดต้นทุน-ขยายช่องทางขายล่วงหน้า ไม่รอให้ปัญหาเกิด หนุนรัฐบาลพัฒนาภาคการผลิตมากกว่าแจกเงินดิจิทัล พร้อมเดินหน้าจัด ‘สหกรุ๊ป แฟร์ & เฟส ครั้งที่ 29’ พร้อม MOU กับพันธมิตรหลากหลายกลุ่มธุรกิจ