DeepSeek แอป AI ต้นทุนต่ำสัญชาติจีน ยอดโหลดแซงหน้า ChatGPT ขึ้นอันดับ 1 บน App Store สหรัฐฯ

เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แอปพลิเคชัน AI ใหม่ที่ชื่อว่า DeepSeek ได้เปิดตัวบน App Store และกลายเป็นที่สนใจอย่างรวดเร็ว จนสามารถทำยอดดาวน์โหลดแซงหน้า ChatGPT ขึ้นเป็นแอปพลิเคชันอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสร้างกระแสฮือฮาในวงการเทคโนโลยีและ AI

DeepSeek เป็นผลงานของสตาร์ทอัพจากจีน โดยบริษัทได้พัฒนาโมเดล AI ชื่อว่า R1 ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการ AI ด้วยประสิทธิภาพที่โดดเด่น แม้ว่าจะมีขนาดเล็กเพียง 1.5 พันล้านพารามิเตอร์ (1.5B) แต่กลับมีความสามารถที่เหนือกว่าโมเดลคู่แข่งอย่าง OpenAI o1-mini และสำคัญที่สุดคือ ต้นทุนการฝึกฝนโมเดลนี้ต่ำมากเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

บริษัทนี้ก่อตั้งโดย เหลียง เหวินเฟิง อดีตผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์และนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลในวงการ AI ของจีน โดย DeepSeek เริ่มต้นเข้าสู่วงการ AI ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2023 ด้วยการพัฒนาโมเดล Generative AI ที่เน้นงานด้านการให้เหตุผล (Reasoning Tasks) และสามารถแข่งขันกับโมเดลของ OpenAI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในเดือนพฤศจิกายน 2023 DeepSeek เปิดตัว DeepSeek Coder ซึ่งเป็นโมเดล Open-Source สำหรับการเขียนโค้ด และยังได้เปิดตัว DeepSeek LLM เพื่อแข่งขันในตลาดโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models) โดยเฉพาะ

ต่อมาในปี 2024 บริษัทเปิดตัว DeepSeek-V2 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เนื่องจากประสิทธิภาพสูงและต้นทุนที่ต่ำ ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้เกิดสงครามราคากับบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการ AI ของจีนอย่าง ByteDance, Tencent, Baidu และ Alibaba ที่ต้องลดราคาบริการของตนลงเพื่อแข่งขัน

ในปีเดียวกันนั้น DeepSeek ได้พัฒนา DeepSeek-Coder-V2 ซึ่งสามารถรองรับการเขียนโค้ดที่ซับซ้อน และให้บริการผ่าน API ในราคาที่เข้าถึงได้ โดยคิดค่าบริการเพียง 0.14 ดอลลาร์สหรัฐต่อโทเคนสำหรับข้อมูลนำเข้า และ 0.28 ดอลลาร์สหรัฐต่อโทเคนสำหรับผลลัพธ์

ล่าสุด โมเดล DeepSeek-R1 ได้ยกระดับความสำเร็จของบริษัทไปอีกขั้น ด้วยความสามารถในการให้เหตุผลที่โดดเด่นและต้นทุนการฝึกฝนที่ต่ำกว่าคู่แข่ง โดยในการทดสอบตามเกณฑ์มาตรฐาน AI หลายรายการ โมเดล R1 มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือเหนือกว่า OpenAI o1 อีกทั้งยังใช้งบประมาณเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการพัฒนา ต่างจากบริษัทในสหรัฐฯ ที่ใช้เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการฝึกฝนโมเดล

กระแสความสำเร็จของ DeepSeek ทำให้แอปนี้กลายเป็นแอปยอดนิยมอันดับ 1 บน App Store ในสหรัฐอเมริกา แซงหน้า ChatGPT ไปได้อย่างน่าประทับใจ

แม้จะมีคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของต้นทุนที่ต่ำมากขนาดนี้ แต่หลายฝ่ายเห็นพ้องกันว่าหาก DeepSeek ทำได้จริง จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อวงการ AI และช่วยเปิดโอกาสให้บริษัทขนาดเล็กสามารถพัฒนาโมเดลใหม่ๆ ได้เร็วขึ้นในราคาที่เอื้อมถึง

ยันน์ เลอคุน หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ AI ของ Meta กล่าวชื่นชมว่า โมเดล Open-Source อย่าง DeepSeek สามารถแซงหน้าโมเดลแบบปิดได้ และช่วยให้ผู้เล่นในวงการทุกคนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาครั้งนี้ ส่วน มาร์ก แอนเดรียสเซน นักลงทุนชื่อดังยังกล่าวเสริมว่า DeepSeek ถือเป็นความก้าวหน้าที่น่าทึ่งที่สุดในวงการ AI โดยเฉพาะในบริบทที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี AI ของจีน

ทั้งนี้ ความสำเร็จของ DeepSeek อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่สำคัญในตลาด AI และเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทในสหรัฐฯ ต้องเร่งพัฒนาและปรับตัวเพื่อแข่งขันในระดับโลก

บทความล่าสุด

COLLABORATE IDEAS, CREATE SUCCESS


FOLLOW US

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.